:::     :::

เพิ่มความมั่นใจก่อนเปิดฤดูกาล

วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม 2564 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
1,506
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เกมแรกอย่างเป็นทางการของ เชลซี จบลงด้วยการคว้าแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพมาครองอย่างยิ่งใหญ่ ประเดิมฤดูกาลใหม่ด้วยการมีแชมป์มาประดับตู้ที่สโมสร
         ในฐานะแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก "สิงห์บลูส์" เดินลงสู่สนามเจอกับ บียาร์เรอัล แชมป์ยูโรปา ลีกจากสเปน ถือเป็นประเพณีก่อนเริ่มซีซั่นใหม่
         สกอร์จบลงที่ 1-1 ใน 90 นาที โดยครึ่งแรก เชลซี ออกนำจาก ฮาคิม ซิเย็ค ในขณะที่ "เรือดำน้ำ" มาตีเสมอได้ในครึ่งหลังจาก เคาร์ด โมเรโน่ และหลังดวลกันครบ 120 นาทีไม่มีประตูเพิ่มจนต้องด้วยจุดโทษและทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล ยิงได้แม่นกว่าชนะไปได้ 6-5
การจัดทีม
        
         โธมัส ทูเคิ่ล ใช้ผู้เล่น 11 คนแรกชุดเดียวกับเกมอุ่นเครื่องล่าสุดที่เสมอกับ สเปอร์ส 2-2 มี เอดูอาร์ เมนดี้ ยืนผู้รักษาประตู กองหอลัง คูร์ต ซูม่า, เทรเวอห์ ชาโลบาห์, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ เป็นสามประสาน แดนกลาง คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย, เอ็นโกโล ก็องเต้, มาเตโอ โควาชิช และ มาร์กอส อลอนโซ่ ทำหน้าที่ แนวรุก ฮาคิม ซิเย็ค กับ ไค ฮาแวร์ตซ์ ปั้นเกมหลัง ติโม แวร์เนอร์
         โดยในเกมนี้ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ลงสนามเป็นนัดที่ 150 ให้กับ เชลซี ด้วย
         จุดที่เปลี่ยนแปลงคือในม้านั่งสำรองที่บรรดาแข้งลุยยูโรจากชาติเข้ารอบลุกทั้ง อิตาลี, อังกฤษ, เดนมาร์ก และ สเปน กลับมาร่วมทีม เช่นเดียวกับ ติอาโก้ ซิลวา ที่ร่วมทัพ บราซิล ทำศึกโกปา อเมริกาด้วย
ผู้ชนะทั้งสองทีม
        
         ก่อนเริ่มเกมมีการนำถ้วยทั้งสองรายงานมาโชว์ซึ่งทางฝั่ง เชลซี เกมนี้เป็น เอ็นโกโล่ ก็องเต้ คนตัวเล็กแต่ใจใหญ่สวมบทกัปตันทีมถือถ้วยยุโรปเดินออกมา
         ซึ่งในรายการยูฟ่า ซูเปอร์ คัพทีมเคยได้แชมป์ย้อนกลับไปเมื่อปี 1998 ที่ทีมเอาชนะ เรอัล มาดริด จากประตูของ กุสตาโว่ โปเยต์
         อย่างไรก็ตาม "สิงห์บลูส์" เป็นทีมเดียวที่เคยแพ้จุดโทษยูฟ่า ซูเปอร์ คัพและแพ้ถึง 2 หนด้วย ครั้งแรกในปี 2013 แพ้ บาเยิร์น มิวนิค และอีกครั้งเมื่อ 2 ปีที่แล้วแพ้ ให้กับ ลิเวอร์พูล
เปิดเกมด้วยการบุกริมเส้น
        
         การเริ่มต้นซีซั่นใหม่อย่างรวดเร็วจากบอลถ้วย แน่นอนว่าส่งผลถึงสภาพความฟิตของนักเตะทั้งทีมตัวเองและคู่แข่งไม่น้อย
         ยิ่งในฤดูกาลที่ผ่านมาทีมต้องกรำศึกหนักทั้งในลีกและบอลถ้วยเกือบ 70 เกม ไหนจะมีฟุตบอลยูโรและโกปา อเมริกาอีก ผู้เล่นแต่ละคนถือว่ามีปัญหาในเรื่องของความฟิตไม่น้อยเลย
         ยังดีที่สองวิงแบ็กทั้งขวาซ้ายทั้ง คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย และ มาร์กอส อลอนโซ่ ไม่ได้เล่นทีมชาติและอยู่ในสภาพที่ดีในการโจมตีคู่แข่งทางริมเส้นได้
         โอกาสแรกจากลูกเตะมุมทางขวาของ ฮาคิม ซิเย็ค นาทีที่ 6 บอลลึกมาเสาสอง ติโม แวร์เนอร์ แม้โดนประกบแต่ยังแหย่ขาโดนบอลยังดีที่ เซร์คิโอ อาเซนโฆ ยืนตำแหน่งดีปัดเอาไว้ได้ จากนั้นอีก 3 นาที เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ได้ยิงหน้าเขตโทษบอลพุ่งเฉี่ยวเสาออกไปแบบได้ลุ้น
ประตูของ ฮาคิม ซิเย็ค

        
         ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรกมานิดหน่อน เชลซี ก็มาได้ประตขึ้นนำ จากการเล่นบอลสามจังหวะ มาร์กอส อลอนโซ่ - ไค ฮาแวร์ตซ์ และไปจบที่ ฮาคิม ซิเย็ค 
         การเปิดบอลของตัวรุกทีมชาติเยอรมันมีสองเป้าหมายแม้จะเลย ติโม แวร์เนอร์ ที่ถลำไปแล้วแต่ก็ยังมี ซิเย็ค ที่สอดมาคนเดียว และก็ถือว่ายิงไม่ต้องแรงแต่ทิศทางดี
         บียาร์เรอัล เองก็น่าตีเสมอได้นาทีที่ 33 จังหวะที่ ฮวน ฟอยธ์ จ่ายทะลุช่องให้ บูลาย เดีย สอดมายิงแต่ เอดูอาร์ เมนดี้ ออกมาปิดมุมได้เยี่ยม หลังจากนั้นสามนาทีสกอร์น่าขยับเป็น 2-0 จากฟรีคิกที่ ฮาคิม ซิเย็ค เปิดจากทางซ้ายไปเสาสอง คูร์ต ซูม่า ได้หวดด้วยขวาบอลข้ามคาน
         ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก บียาร์เรอัล น่าตีเสมอได้จากจังหวะเปิดบอลทางขวาของ เคราร์ด โมเรโน่ บอลเลยไปเสาสอง อัลเบร์โต้ โมเรโน่ หวดด้วยซ้ายเต็มข้อบอลพุ่งชนคานอย่างน่าเสียดาย
เรือดำน้ำผงาด

         เริ่มต้นครึ่งหลัง เชลซี ออกสตาร์ทด้วยการทักทายก่อนจังหวะที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ พาบอลมาก่อนลองยิงหน้าเขตโทษบอลเข้าข้างตาข่าย
         หลังจากนั้นเกมของ บียาร์เรอัล ดีขึ้นและน่าตีเสมอได้นาทีที่ 52 จังหวะที่ บูลาย เดีย แทงทะลุช่อง เคราร์ด โมเรโน่ หลุดไปยิงติดปลายมือ เอดูอาร์ เมนดี้ บอลไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย
         กระทั่งนาทีที่ 73 ทีมจากสเปนมาตีเสมอจนได้เคราร์ด โมเรโน่ ตัดบอลก่อนจะไหลมาให้ บูลาย เดีย บังแล้วตอกส้นคืน โมเรโน่ ยิงบอลเสียบหน้าต่างเสาสองสกอร์กลับมาเท่ากันที่ 1-1 และจบลงด้วยสกอร์นี้ใน 90 นาที
ช่วงต่อเวลาที่ตัดสินไม่ได้

         ช่วงต่อเวลาพิเซษทางฝั่ง เชลซี มีโอกาสในการครองบอลบุกเข้าใส่และมีลุ้นทำประตูมากกว่า แต่ก็ไม่สามารถเจาะประตูเพิ่มได้
         น่าเสียดายที่ลูกยิงของ เมสัน เมาท์ ในช่วงต้นครึ่งหลังของการต่อเวลาพิเศษไม่ผ่านมือ เซร์คิโอ อาเซนโฆ ทำให่ต้องตัดสินกันที่การดวลจุดโทษ
         สิ่งที่น่าสนใจก็คือในนาทีที่ 119 โธมัส ทูเคิ่ล ตัดสินใจเปลี่ยนผู้รักษาประตูให้ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ลงเฝ้าเสาแทน เอดูอาร์ เมนดี้ ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีการวางแผนไว้แล้วว่าหากดวลเป้า มือกาวชาวสเปนจะถูกส่งลงมา และก็เป็นฮีโร่ทำให้ทีมเอาชนะไปได้ 6-5

         ซึ่งผลการยิงจุดโทษออกมาดังนี้
ฮาแวร์ตซ์ - ติดเซฟ 0-0
เคราร์ด โมเนโน่ - เข้า 0-1
อัซปิลิกวยต้า - เข้า 1-1
อิสซ่า มานดี้ - ติดเซฟ 1-1
อลอนโซ่ - เข้า 2-1
เอสตูปีนาน - เข้า 2-2
เมาท์ - เข้า 3-2
โกเมซ - เข้า 3-3
จอร์จินโญ่ - เข้า 4-3
ราบา - เข้า 4-4
พูลิซิช - เข้า 5-4
ฟอยธ์ - เข้า 5-5
รือดิเกอร์ - เข้า 6-5
อัลบิโอล - ติดเซฟ 6-5
เกมถัดไป
         เกมนัดแรกของ เชลซี ในพรีเมียร์ลีกคือศึก "ลอนดอน ดาร์บี้" กับ คริสตัล พาเลซ ที่มีเจ้านายคนใหม่อย่าง ปาทริค วิเอร่า ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ โดยจะเล่นกันสามทุ่มในวันเสาร์ที่ 14 สิงหาคมนี้


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด