:::     :::

เริ่มต้นป้องกันแชมป์ด้วยชัยชนะ

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน 2564 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
1,860
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ภารกิจป้องกันแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกของพลพรรค เชลซี เริ่มต้นด้วยการเอาชนะ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก

         หากมองตามหน้าเสื่อด้วยเพื่อนร่วมกลุ่มอีกสองทีมอย่าง ยูเวนตุส และ มัลโม่ ก็คงไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงที่จะทีมจะผ่านรอบแรกไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

         แต่จากเกมแรกนั้นแสดงให้เห็นแล้วว่าศึกถ้วยใหญ่ของยุโรปไม่เคยมีเกมไหนที่ง่าย และเส้นทางก็ยังอีกยาวไกลในการไปถึงจุดสูงสุดอีกครั้ง

         ยิ่งเป็นทีมที่มีเครื่องหมายว่า "แชมป์เก่า" ด้วยแล้วยิ่งไม่ง่าย ทีมเล็กยิ่งมาอุด ทีมใหญ่หวังโค่นลงจากบัลลังค์

         การเปิดฉากเกมแรกด้วยชัยชนะแสกอร์จะน้อยนิดแต่ก็ถือว่าเป็นการเรียกความมั่นใจได้เป็นอย่างดีในการเดินหน้าและคว้าแชมป์มาครองให้ได้อีกครั้ง

การจัดทีม


         โธมัส ทูเคิ่ล เปลี่ยนทีมจากเกมที่เอาชนะ แอสตัน วิลล่า 5 ตำแหน่ง เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า สวมปลอกแขนกัปตันนำทีมเช่นเดียวกับ อันเดรียส ครินเตนเซ่น ที่ลงประสานงานร่วมกับ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ในแนวรับ

         แดนกลาง จอร์จินโญ่ ที่ลงเล่นในครึ่งหลังกลับมาออกสตาร์ตัวจริงร่วมกับ มาเตโอ โควาซิช วิง-แบ็กเป็น มาร์กอส อลอนโซ่ กับ รีซ เจมส์ ที่จะโดนแบนในเกมลีกสุดสัปดาห์นี้ทำหน้าที่

         ในแนวรุก เมสัน เมาท์ กลับมาปั้นเกมโดยประสานงานกับ ฮาคิม ซิเย็ค ส่วนกองหน้ายังเป็น โรเมลู ลูกากู ปักหลักหัวหอก

         ก่อนเริ่มเกมทีมเอาฤกษ์เอาชัยด้วยการรับรางวัลจากรายการนี้เมื่อฤดูกาลที่แล้วทั้ง โธมัส ทูเคิ่ล กับกุนซือยอดเยี่ยม, จอร์จินโญ่ นักเตะยอดเยี่ยม, เอดูอาร์ เมนดี้ ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กองกลางยอดเยี่ยม โดยงานนี้ อเล็กซานเดอร์ เซเฟริน ประธานยูฟ่าเดินทางมามอบด้วยตัวเอง

ออกสตาร์ทอย่างระมัดระวัง


         ออกสตาร์ทเกมต้องบอกว่าทางผู้มาเยือนต่อบอลสู้ได้อย่างไม่เป็นรอง แน่นอนว่าด้วยเป้าหมายคงไม่หวังถึงชนะทำให้เกมยังดูเอื่อยๆ นั่นรวมถึงฝั่ง เชลซี ด้วยเช่นกัน

         โดยเฉพาะในนาทีที่่ 12 ที่ทางฝั่ง เซนิต เกือบที่จะได้จังหวะเหน่งๆจากบอลเปิดจากทางชวาลึกไปถึง เคลาดินโญ่ ได้พักอกในกรอบแต่ รีซ เจมส์ ตามมาสกัดได้ก่อนที่จะโดนสับไก

         เชลซี ครองบอลได้ดี ต่อเกมได้ดี แต่แทบทุกจังหวะไปตายที่หน้าเขตโทษ แม้จะเปลี่ยนมาเล่นบอลยาวบ้างแต่จังหวะสองก็ยังไม่สามารถเก็บบอลเอาไว้ได้

โอกาสน้อยนิด

        

         โรเมลู ลูกากู ยังเป็นเป้าใหญ่ที่ทาง "สิงห์บลูส์" ฝากบอลให้อาศัยความใหญ่ครองบอลเอาไว้ก่อนที่จะต่อให้กับเพื่อน ซึ่งกว่าที่เจ้าตัวจะได้โอกาสสับไกครั้งแรกต้องรอถึงนาทีที่ 33 แถมยังติดบล็อคอีกต่างหาก

         เชลซี เอาบอลมาได้เปิดได้บุกมากขึ้น แต่จังหวะสุดท้ายบอลก็ไม่เข้าเป้า มักจะโดนสกัดเอาไว้ได้ก่อนแทบทุกครั้งที่ไป

         โอกาสยิงตรงกรอบครึ่งแรกเป็นของ เซนิต นาทีที่ 38 ยาโรสลาฟ ราคิตสกี้ เก็บตกจังหวะสองหน้าเขตโทษทางขวาลองปั่นด้วยขวาแต่ เอดูอาร์ เมนดี้ รับเข้ามือไม่ยาก

         ท้ายครึ่งแรก เชลซี มาได้ลุ้น รีซ เจมส เปิดบอลทางขวาเข้ากลาง โรเมลู ลูกากู ขึ้นโหม่งแต่โดนเบียดเลยโหม่งไม่ถนัดบอลข้ามคานออกไป

เปิดฉากลุย


         เข้าครึ่งหลังพลพรรค เชลซี น่าจะได้อะไรจาก โธมัส ทูเคิ่ล เปิดฉากมาทีมเดินหน้าบุกเข้าใส่ทันทีและหลังผ่าน 5 นาทีแรกก็น่าได้ประตูจังหวะที่ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ลุยขึ้นมาเองจนหาช่องได้สับไกในเขตโทษบอลพุ่งหลุดกรอบออกไปชนิดที่แฟนบอลได้ร้องซี๊ด

         อีกครั้งนาทีที่ 56 เมสัน เมาท์ ไหลบอลให้ โรเมลู ลูกากู ในเขตโทษแตะต่อให้ รีซ เจมส์ ยิงมุมแคบบอลเข้าข้างตาข่าย

         แต่ เซนิต ก็เกือบได้เหมือนกันนาทีที่ 61 จังหวะที่ ซาร์ดาร์ อัซมูน ได้บอลเข้าเขตโทษ เซซาร์ อัซปิลกวยต้า เอาไม่อยู่แลว้แต่ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ มาช่วยบล็อคจังหวะยิงไว้ได้หวุดหวิด

         เชลซี ที่เกมรุกฝืดไปขยับตัวด้วยการเอา ไค ฮาแวร์ตซ์ ลงเล่นแทน ฮาคิม ซิเย็ค ในนาทีที่ 63 ของเกม

ทำประตูจนได้


         หลังจากที่เปิดบอลเฉี่ยวไปเฉี่ยวในที่สุดก็เข้าเป้าจนได้นาทีที่ 69 เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ตักบอลเข้าในกรอบ โรเมลู ลูกากู เจ้าเก่าโหม่งบอลเสียบเสาเข้าไปให้ทีมออกนำ 1-0

         ช่วง 10 นาทีสุดท้าย "สิงห์บลูส์" ได้โอกาสทำประตูเพิ่ม มาร์กอส อลอนโซ่ รับบอลจาก เมสัน เมาท์ ก่อนได้จังหวะสับไกบอลพุ่งเฉี่ยวเสาออกไปแบบได้ลุ้น

         แต่ทาง เซนิต ก็กมีลุ้นตีเสมอเหมือนกัน ซาร์ดาร์ อัซมูน เปิดบอลจากทางขวาเข้ากลาง อาร์เต็ม ซูบา โฉบมาชาร์จที่เสาสองโชคดีโดนไม่เต็มบอลหลุดกรอบไป

         จบเกมถือเป็นชัยชนะที่หืดจับ แต่ก็เป็น 3 คะแนนประเดิมเส้นทางป้องกันแชมป์ยุโรปของทีม


เกมถัดไป

         เชลซี มีโปรแกรมใหญ่อีกครั้งในศึก "ลอนดอน ดาร์บี้" ที่จะต้องบุกไปเยือน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ จากนั้นในช่วงกลางสัปดาห์มีเกมบอลถ้วยอย่าง คาราบาว คัพ กับ แอสตัน วิลล่า ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})