:::     :::

เสียดายที่ไม่ชนะ

วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
1,396
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
บิ๊ก แม็ตช์ ของพรีเมียร์ลีกสุดสัปดาห์นี้จบลงด้วยการแบ่งแต้มกันไปในเกมที่ เชลซี มีโอกาสได้ชัยชนะแม้ว่าจะเสียประตูออกนำไปก่อน

         ต้องบอกว่านี่เป็นเกมที่ทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล เหนือกว่าด้วยประการทั้งปวงทั้งการครองบอล (66 ต่อ 34 เปอร์เซ็นต์) โอกาสทำประตูอันมากมาย (24 ต่อ 3 ครั้ง) เตะมุมที่ห่างกันคนละชั้น (15 ต่อ 2 ครั้ง) เพียงแต่จบไม่ลง

         ส่วนหนึ่งต้องชื่นชม ดาบิด เด เคอา ที่ช่วยผู้มาเยือนเอาไว้ไม่ให้เสียประตูโดยเฉพาะในครึ่งแรก 

         การเสียประตูไปก่อนแบบไม่น่าเสีย - ประตูตีเสมอจากจุดโทษ ทีมมีโอกาสคว้าชัยชนะในช่วงท้ายแม้จะมีโอกาสเสียเหมือนกัน แต่หากมองภาพรวมต้องบอกว่า เชลซี ควรได้รับการชูมือมากกว่า

         ผ่านเกมนี้ทีมยังนำเป็นจ่าฝูงเพียงแต่ช่องว่างถูก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บีบเข้ามาเหลือแค่คะแนนเดียวเท่านั้น แต่ก็มองในแง่ดีในเรื่องของรูปแบบการเล่นที่ยังทำได้ยอดเยี่ยมอยู่

         แค่มองว่าน่าเสียดายที่ควรจะได้ถึงสามแต้มมากกว่าก็เท่านั้น


การจัดทีม

         เชลซี เจอกับข่าวที่ไม่ดีเมื่อเสียทั้ง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ เบน ชิลเวลล์ สองแข้งตัวหลักที่เจ็บมาจากเกมยุโรปเมื่อกลางสัปดาห์ 

         เกมนี้ในแนวรับยังเหมือนเดิมไล่ตั้งแต่ เอดูอาร์ เมนดี้ ที่ยืนเฝ้าเสา ส่วนแผงแบ็คกทรีไม่มีการเปลี่ยนแปลง เป็น เทรเวอห์ ชาโลบาห์, ติอาโก้ ซิลวา และ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ประสานงานร่วมกัน

         รูเบน ลอฟตัส-ชีค ได้ลงเล่นในตำแหน่งกองกลางร่วมกับ จอร์จินโญ่ ส่วนทางซ้ายเป็ยน มาร์กอส อลอนโซ่ ทางขวา รีซ เจมส์ เหมือนเดิม

         ส่วนสามประสานในแนวรุก ทิโม แวร์เนอร์ กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง โดยเล่นร่วมกับ ฮาคิม ซิเย็ค กับ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย โดย โรเมลู ลูกากู กลับมาเป็นตัวสำรอง


บุกเป็นพายุ

         ตั้งแต่สิ้นเสียงนกหวีดแรก เชลซี ก็ลุยเข้าใส่ในทันทีและได้โอกาสลุ้นถึงสองหนตั้งแต่ยังไม่ถึง 5 นาทีดี จังหวะแรกนาทีที่ 2 คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ไหลบอลเข้าเขตโทษ ฮาคิม ซิเย็ค โฉบมาถึงบอลแล้วกลับตัวยิงด้วยขวาแต่บอลไม่แรงบอลแม้จะแฉลบ วิคเตอร์ ลินเดอร์เลิฟ นิดนึงแต่ ดาบิด เด เคอา ก็รับเข้ามือสบาย

         อีกครั้งในนาทีที่ 4 เมื่อ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ได้บอลไปยิงจ่อๆในเขตโทษด้านซ้ายแต่ติดขา ดาบิด เด เคอา ออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

         เกมของ "สิงห์บลูส์" ยังเหนือกว่าแลพได้โอกาสจบสกอร์อย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 10 มาร์กอส อลอนโซ่ เปิดเตะมุมเข้าหัว อันโตนิโอ รือดิเกอร์ โหม่งไม่เข้ากรอบ และ ฮาคิม ซิเย็ค ได้ยิงหน้าเขตโทษบอลข้ามคานไปแบบ

         แดนกลางที่อัดแน่นของผู้เล่นทั้งสองทีมถือ จอร์จินโญ่ และ รูเบน ลอฟตัส-ชีค แทบจะจัดการกับลูกบอลได้เกือบทั้งหมด


ยูไนเต็ดภายใต้ความกดดัน

         ในขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังแทบโงหัวไม่ขึ้นและก็เกือบต้องมาเสียประตูหลังผ่านครึ่งชั่วโมงของเกมในจังหวะที่ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ กดด้วยขวานอกกรอบบอลพุ่งชนคานเต็มๆ

         หลังจากนั้นอีก 5 นาทีโอกาสก็เป็นของเจ้าบ้านอีกครั้ง คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ที่เล่นได้อย่างโดดเด่นเลี้ยงบอลมาหน้าเขตโทษ ทิโม แวร์เนอร์ ช่วยดึงตัวประกบเปิดช่องให้ได้ยิงแต่น่าเสียดายโดนไม่ดีและบอลก็เบาไปเข้ามือ ดาบิด เด เคอา

         แมนฯ ยูไนเต็ด มารอดการเสียประตูอีกครั้งและต้องขอบคุณ ดาบิด เด เคอา จากฟรีคิกกราบซ้ายที่ รีซ เจมส์ ตักบอลเข้าเขตโทษบอลเลยไปหมดและเกือบจะเบียดเสาไกลแต่มือกาวทีมชาติสเปนเหินปัดไว้ได้หวุดหวิด

         เรียกได้ว่าครึ่งแรกเกมเป็นของ เชลซี ที่ยำใหญ่อยู่ข้างเดียว "ปีศาจแดง" ได้โอกาสสับไกครั้งเดียวจากลูกยิงนอกกรอบของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส แต่ เอดูอาร์ เมนดี้ ก็ไม่ได้ออกแรงอะไรเพราะบอลไม่ได้เข้ากรอบ


เสียแบบไม่น่าเสีย

         เข้าครึ่งหลังในขณะที่เกมดำเนินไปแบบไม่มีอะไรก็เกิดจังหวะผิดพลาดแบบไม่ควรจังหวะที่ทีมได้ลูกเตะมุมโดนหวดสกัดมา จอร์จินโญ่ ที่ยินอยู่คนเดียวเอาบอลลงแต่กลับทำลั่นโดน เจดอน ซานโช่ ลากหลุดเดี่ยวมีเวลาเหลือเฟือไปยิงผ่าน เอดูอาร์ เมนดี้ เข้าไปเป็น 1-0

         จังหวะนี้ทาง โธมัส ทูเคิ่ล ถึงกับออกมาบอกว่าเป็นความผิดพลาดที่ไม่ปกติ เพราะนักเตะระดับนี้กับบอลแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น น่าจะเป็นเพราะแสงไฟในสนามที่แยงตาจังหวะมองบอลทำให้มองไม่เห็น

         ประตูนี้นอกจากทำให้ทาง เชลซี สะดุดไปบ้าง มันยังเพิ่มความมั่นใจให้กับฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วย

         แต่เมื่อเวลาผ่านไปทีมก็เริ่มตั้งหลักได้และได้ประตูจากลูกเตะมุมนาทีที่ 57 บอลตกใส่หลัง อารอน วาน-บิสซาก้า เลบมาเสาสอง ทิโม แวร์เนอร์ อยู๋คนเดียววิ่งมาหวดเต็มข้อด้วยขวาแต่ยิงหลุดกรอบไปเสาแรกอย่างน่าเหลือเชื่อ


ตีเสมอจากจุดโทษ

         หลังจากที่กดดันอย่างหนักทั้งเกมบุกและลูกเตะมุมทีมก็มาได้จุดโทษนาทีที่ 69 ในจังหวะที่ อารอน วาน-บิสซาก้า พยายามสกัดแต่ไม่โดนบอลแต่ไปหวดใส่ ติอาโก้ ซิลวา แทน ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษก่อนที่ จอร์จินโญ่ สังหารไม่พลาดให้ทีมตีเสมอ 1-1

         ต้องชื่นชมหัวจิตหัวใจของมิดฟิลด์ทีมชาติอิตาลีที่เพิ่งพลาดเป้าก่อนหน้านี้ในเกมทีมชาติทำให้ทีมทำได้แค่เสมอกับ สวิตเซอร์แลนด์ ในเกมคัดบอลโลก สุดท้ายเลยต้องหลุดไปเล่นเพลย์ออฟทั้งที่ควรเข้ารอบอัตโนมัติ

         นอกจากนี้ยังเป็นการแก้ตัวหลังจากที่พลาดจนทำให้ทีมเสียประตู น่าจะเป็นหนึ่งในการยิงที่กดดันที่สุดครั้งหนึ่งของเจ้าตัวทั้งในเรื่องของคู่แข่งที่เจอเป็นทีมใหญ่ ทีมตามหลังแถมตัวเองเพิ่งพลาดไปก่อนหน้านี้ด้วย


         มาถึงนาทีที่ 78 เชลซี ขยับเปลี่ยนสองคนเอา เมาสัน เมาท์ กับ คริสเตียน พูลิซิช ลงเล่นแทน คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย และ มาร์กอส อลอนโซ่ หลังจากนั้น 4 นาทีก็ส่ง โรเมลู ลูกากู แทนที่ ทิโม แวร์เนอร์ เรียกได้ว่าจะบดคว้าชัยให้ได้

         อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นทีมก็หาโอกาสจบไม่ได้เท่าไรนักในขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นช้ารวมถึงการถ่วงเวลา แม้จะทดเจ็บนานถึง 8 นาทีแต่ก็ไม่มีประตูเพิ่ม ลงเอยด้วยการแบ่งแต้มกันไป

เกมถัดไป

         ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจะมีเกมกลางสัปดาห์ให้ลงเล่น โดยทาง เชลซี จะบุกไปเยือน วัตฟอร์ด คืนวันพุธ และต่อด้วยคืนวันเสาร์เล่นเกมเยือนอีกครั้งด้วยการบุก เวสต์แฮม


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})