เอาอยู่
แม้ด้วยฟอร์มการเล่นของทีมตลอดฤดูกาลนี้จะเหนือกว่าคู่แข่งเกือบตลอด แต่เกมที่วิคาเรจ โร้ดทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล ต้องเผชิญกับความยากลำบากกว่าจะควกสามแต้มเต็มกลับออกมาได้
น่าจะเป็นผลมาจากการที่ทีมต้องลงสนามอย่างต่อเนื่องทั้งในลีกและบอลยุโรป ประกอบกับการขาดตัวหลักที่บาดเจ็บไปทำให้ขาดความต่อเนื่องไปบ้าง
ถึงกระนั้นต้องขอบคุณขนาดทีมที่มีนักเตะให้เลือกใช้อย่างเหลือเฟือ ตัวสำรองที่ลงเล่นยังมีศักยภาพที่เหนือกว่าเจ้าบ้านจนสุดท้ายบดเข้าวินได้สำเร็จ
ถือเป็นการออกสตาร์ทเดือนแห่งความหฤโหดด้วยชัยชนะซึ่งยังไงก็ต้องบอกว่าน่าพอใจแหละ
การจัดทีม
โธมัส ทูเคิ่ล ปรับทีมถึง 6 คนจากเกมล่าสุดทั้งเหตุจำเป็นและเป็นการโรเตชั่น ทั้งในกองหลัง กองกลาง และกองหน้า
เอดูอาร์ เมนดี้ ยังคงเฝ้าเสาเหมืนเดิม ส่วนในแนวรับ อันเดรียส คริสเตนเซ่น กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งนับตั้งแต่โปรแกรมทีมชาติแทนที่ ติอาโก้ ซิลวา ร่วมกับ เทรเวอห์ ชาโลบาห์ และ อันโตนิโอ รือดิเกอร์
แดนกลา ซาอูล ญีเกซ ลงเล่นเป็นตัวจริงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายน โดยประสานงานกับ รูเบน ลอฟตัส-ชีค ส่วนตัวริมเส้นทั้งสองข้างเป็น เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า กับ มาร์กอส อลอนโซ่ เนื่องจากทั้ง รีซ เจมส์ ()ที่เกมถัดไปจะเป็นเกมที่ 100 กับทีม) และ เบน ชิลเวลล์ เจ็บ
แดนหน้าเป็น เมสัน เมาท์ ที่กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งรวมกับ คริสเตียน พูลิซช ส่วนกองหน้า ไค ฮาแวร์ตซ์ ทำหน้าที่ ส่วน โรเมลู ลูกากู ยังเป็นแค่ตัวสำรอง ขณะที่ ทิโม แวร์เนอร์ กับ จอร์จินโญ่ ไม่ฟิตพอที่จะออกสตาร์ทตัวจริง
ช่วงเริ่มต้นที่น่าอึดอัด
วัตฟอร์ด เปิดฉากพร้อมกับความคึกคักและไม่กลัวที่จะบุกเข้าใส่แถมยังเกือบได้ประตูเพียงแค่สองนาทีแรกจากบอลเปิดทางขวาที่ของ อทม เคลฟเวอร์ลี่ย์ ที่ ชูเอา เปโดร สอดมายิงบอลเรียดไปเสาสองและดูเหมือน เอดูอาร์ เมนดี้ อาจจะไปไม่ทันแต่ทาง เทรเวอห์ ชาโลบาห์ แหย่ขาสกัดเอาไว้ได้
อีกครั้งในนาทีที่ 5 ของเกมที่เจ้าบ้านน่าได้ประตู กีโก้ เฟเมเนีย เปิดบอลจากกราบขวาเข้ากลางอีกครั้งที่ ชูเอา เปโดร ได้ยิง เอดูอสาร์ เมนดี้ พุ่งสุดตัวปัดเอาไว้ได้หวุดหวิด
เจ้าบ้านยังเดินหน้าลุยสู้ได้เแบบไม่เป็นรอง และเห็นได้ชัดว่าแผนงานของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ คือการให้ลูกทีมเจาะทางริมเส้นทั้งสองฝั่ง เพราะด้วยรูปแบบของ เชลซี ฟูล-แบ็กของทั้ง เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า และ มาร์กอส อลอนโซ่ จะเติมเกมสูงกันอยู่แล้ว
ในขณะที่เกมกำลังไหลไปมีจังหวะที่ผู้ตัดสินจ้องเป่าให้หยุดเกมก่อนเนื่องจากมีแฟนบอลบนอัฒจันทร์มีอาการหัวใจวายทำให้ทีมแพทย์ทั้งสองทีมร่วมกันช่วยปฐมพยาบาลและนำตัวส่งโรงพยาบาลในขณะที่นักเตะทั้งสองทีมเข้าไปรอในห้องแต่งตัว
อย่างไรก็ตามมีรายงานในเบื้องหลังว่าแฟนบอลคนดังกล่าวพ้นขีดอันตราย และเกมก็กลับมาลงเล่นกันต่อหลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง โดยนักเตะทั้งสองทีมได้มีเวลาวอร์มกันก่อน 5 นาที
ปฏิบัติการตอบโต้
หลังกลับมาสู้กันต่อเกมยังเป็น วัตฟอร์ด ที่สู้ได้ไม่เป็นรองและต้องบอกว่าเหนือกว่าอยู่เล็กน้อยด้วย แต่ไม่ได้จังหวะจบเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนในช่วงแรก
แต่ทาง เชลซี ตอบโต้กลับมาและก็เกือบได้ประตูเช่นกันในนาทีที่ 19 ที่ รูเบน ลอฟตัส-ชีค โหม่งบอลให้ เมสัน เมาท์ เข้าเขตโทษด้านขวาแล้วกดเต็มข้ออบลพุ่งชนเสาเต็มๆ
ในขณะที่ วัตฟอร์ด ยังคงอาศัยเกมรุกทางริมเส้นแต่บอลที่เปิดไปไม่ได้สร้างอันตรายทาง เชลซี ก็มาออกนำจากที่ที่ 29 ของเกมเมื่อ มาร์กอส อลอนโซ่ หลุดเข้าเขตโษด้านซ้ายก่อนไหลเข้ากลาง ไค ฮาแวร์ตซ์ รับบอลไหลต่อมาที่ เมสัน เมาท์ ยืนอยู่คนเดียวในแปเน้นๆตุงตาข่ายเป็น 1-0
หลังจากนั้นสองนาทีทีมเยือนมาส่งบอลสู่ก้นตาข่ายได้อีกครั้ง คริสเตียน พูลิซิช จ่ายบอลทะลุช่องให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ หลุดไปยิงเข้าไปแต่เป็นจังหวะลำหน้าซะก่อน
เสียประตูก่อนหมดเวลา
แม้ วัตฟอร์ด จะเสียประตูแต่พวกเขาไม่ได้เสียกำลังใจ ทีมยังคงเล่นด้วยรูปแบบเดิมคือการเจาะทางริมเส้นและเกือบตีเสมอได้หลังเสียประตูไป 6 นาทีที่ แดนนี่ โรส ได้กดเต็มในเขตโทษด้านซ้ายบอลไปตรง เอดูอาร์ เมนดี้ ที่ต้องทุบออกมา
แต่ก่อนหมดครึ่งแรกสองนาที "แตนอาละวาด" ก็มาพังประตูจนได้ มุสซ่า ซิสโซโก้ ตัดบอลได้กลางสนามกอ่นไหลให้ เอ็มมานูเอล เดนนิส จี้เข้าเขตโทษแล้วยิงบอลแฉลบ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ที่พยายามบังบอลกลิ้งเสียบเสาเข้าไป แถมช่วงทดเจ็บยังเกือบแซงนำ เดนนิส ไหลบอลเข้าเขตโทษ มุสซ่า ซิสโซโก้ สอดมายิงจ่อๆน่าเสียดายโดนไม่เต็มบอลเข้ามือ เอดูอาร์ เมนดี้ จบครึ่งแรกยังเสมอกันที่ 1-1
โอกาสที่ชัดเจนว่า
เชลซี ขยับเปลี่ยนตัวหนึ่งคนเมื่อลงเล่นในครึ่งหลังโดยเอา ซาอูล ญีเกซ ออกแล้วส่ง ติอาโก้ ซิลวา ลงสนามแทน เป็นอีกครั้งที่กองกลางทีมชาติสเปนโดยถอดตั้งแต่ 45 นาทีแรกของเกม
ผ่าน 5 นาทีของครึ่งหลังเป็น เชลซี มาได้ลุ้นประตูจังหวะที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ หลุดไปเส้นเส้นหลังในเขตโทษก่อนตบเข้ากลาง คริสเตียน พูลิซิช พุ่งเข้ามาหวังชาร์จจ่อๆแต่ วิลเลี่ยม์ ทรูสเตอร์-เอคง ลงมาเอาบอลตัดหน้าไปหวุดหวิด
วัตฟอร์ด ก็มาได้ลุ้นนาทีที่ 56 จังหวะบอลทะลุช่องที่ ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ ได้หลุดเดี่ยวแต่ เอดูอาร์ เมนดี้ อ่อานเกมอยู่ออกมาตัดทำให้ต้องปะทะกันจนบาดเจ็บต้องหยุดเกมปฐมพยาบาลยังดีที่ยังเล่นต่อไป
"สิงห์บลูส์" ต้องขยับเปลี่ยนตัวคนที่สองเมื่อ เทรเวอห์ ชาโลบาห์ เจ็บเล่นต่อไม่ไหว โดยทีมเอา ฮาคิม ซิเย็ค ลงสนามมาแทนนาทีที่ 60 ตามด้วย โรเมลู ลูกากู ที่ลงมาแทน เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า นาทีที่ 69 เรียกได้ว่าต้องการบดคว้าชัยให้ได้
เจาะสำเร็จ
หลังกองหน้าทีมชาติเบลเยี่ยมถูกส่งลงมาเพียง 3 นาทีทาง เชลซี ก็มาได้ประตูขึ้นนำ เมสัน เมาท์ เปิดบอลจากทางซ้ายเข้ากลาง ฮาคิม ซิเย็ค ที่อยู่คนเดียวยิงด้วยขวาบอลแสกหน้า ดาเนี่ยล บัคมันน์ เข้าไปเป็น 2-1
ประตูนี้ถือเป็นประตูแรกของ ซิเย็ค ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ และนับเป็นนักเตะคนที่ 16 ของทีมที่ทำประตูได้ในลีกซีซั่นนี้
โอกาสอีกครั้งของ เชลซี นาทีที่ 82 ไค ฮาแวร์ตซ์ เปิดบอลจากทางซ้ายเข้ากลางประตู ฮาคิม ซิเย็ค สอดมาโหม่งแต่บอลไปตรง ดาเนี่ยล บัคมันน์ ล้มตัวรับไว้ได้
ช่วงท้ายเกมรวมถึงทดเจ็บที่ยาวนานซิเย็ึ 6 นาทีเจ้าบ้านเดินหน้าลุยแหลกแต่หาจังหวะจบสกอร์ไม่ได จบเกมเป็น เชลซี ที่คว้าชัย 1-0 เก็บสามคะแนนหวุดหวิด
เกมถัดไป
เชลซี ยังต้องเล่นเกมเยือนต่ออีกนัดโดยบุกไปเยือน เวสต์แฮม ในเกม "ลอนดอน ดาร์บี้" ในวันเสาร์ที่ 4 กันยายน จากนั้นจะลงเล่นเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกไปเยือน เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งทีมเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเรียบร้อย
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT