ช่วงเวลาชี้ชะตาซีซั่น
ผลเสมอ 3 จาก 4 เกมหลังในแบบที่ทีมควรจะเก็บชัยชนะได้ในทุกเกมเมื่อดูจากรายชื่อคู่แข่งอย่าง เอฟเวอร์ตัน, วูล์ฟแฮมป์ตัน และล่าสุดกับ ไบรท์ตัน ต้องบอกว่าทีมทำคะแนนหกเรี่ยราดทีเดียว
อย่างที่รู้ว่าปัญหาหลักก็คือเรื่องการขาดหายไปของนักเตะ แต่ถ้าดูจากนักเตะที่ลงเล่นหรือแม้แต่ตำสำรองอย่างน้อยทั้งเกมกับ "หมาป่า" และ "นกนางนวล" ทีมควรจะได้สามแต้มไว้ครอบครอง
แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้จะถูกมองว่านักเตะต้องกรำศึกหนักตามแบบฉบับฟุตบอลอังกฤษ แต่นี่ก็ถือเป็นบททดสอบที่สำคัญว่าทีมพร้อมสำหรับการต่อสู้แย่งแชมป์รึเปล่า
"เราควรจัดการยังไง? เรามีเคสโควิด 7 ราย เรามีนักเตะ 5-6 คนที่เจ็บ 6 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น" โธมัส ทูเคิ่ล ตอบแบบถอนหายใจหลังเก็บได้แค่แต้มเดียวในเกมล่าสุด
"นี่คือสิ่งที่ผมกำลังพูด ผมแข่งขันอย่างหนักเพื่อเอาชนะ ไบรท์ตัน ในบ้าน ผมไม่รู้ว่าผมสามารถคาดหวังจากนักเตะยังไงในแง่ของร่างกาย, ความเข้นข้น หรือช่วงเวลาในการลงเล่น"
"ไม่มีใครรู้อีกต่อไปเพราะเราไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน เราลองผิดลองถูกและดูว่าผมสามารถทำอะไรได้บ้าง ผมจะปกป้องทีม เราสามารถเล่นได้ดีกว่านี้แต่เราต้องการทีมที่พร้อมตลอดทั้งสัปดาห์"
จากคำสัมภาษณ์ของนายใหญ่ชาวเยอรมันนั่นแสดงให้เห็นว่าทีมกำลังเจอกับปัญหใหญ่ที่พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะหาทางออกยังไงดีเหมือนกัน
กับล่าสุดที่ทีมต้องเสียทั้ง เบน ชิลเวลล์ ที่เจ็บเข่าพักทั้งซีซั่น และ รีซ เจมส์ เจ็บจากเกมล่าสุดต้องพักยาวร่วมเดือนถือเป็นปัญหาใหญ่ เพราะนอกจากทีมจะเน้นในการเล่นเกมรุกทางริมเส้นเป็นหลักแล้ว ทั้งสองคนคือกำลังสำคัญที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในซีซั่นนี้ด้วย
นั่นทำให้ทั้ง โธมัส ทูเคิ่ล และ จอร์จินโญ่ ยิ่งออกมาเรียกร้องให้พรีเมียร์ลีกยอมลดอีโก้หันมาเปลี่ยนตัวสำรองได้ 5 คน หลังหลายลีกทั่วยุโรปล้วนใช้กฎนี้ตามที่ฟีฟ่าอนุญาต
แต่จนถึงตอนนี้เมื่อมันยังไม่เป็นอย่างที่หวังก็ต้องเดินหน้าแก้ปัญหาและฝ่าฟันวิกฤติที่มันยังอยู่
เชื่อว่าอาจจะมีการขยับตัวในช่วงตลาดเดือนมกราคมนี้ได้เหมือนกัน เพราะเป้าหมายของทีมคือแชมป์พรีเมียร์ลีกหลังจากที่ซีซั่นที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นจ้าวยุโรปมาแล้ว
แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้นสิ่งที่รอ เชลซี อยู่ก็คือสองเกมสำคัญที่จะต้องเล่นติดต่อกันด้วย
หลังผ่านช่วงกระท่อนกระแท่นมา เกมถัดไปที่รอ "สิงห์บลูส์" อยู่ก็คือ ลิเวอร์พูล ถึงแม้จะเล่นกันที่สแตมฟอร์ด บริดจ์แต่เชื่อว่าเวลานี้อะไรก็เกิดขึ้นได้
เพราะหากมองจากเกมรับของทีมในช่วงหลังที่เสียประตูกับเกมรุกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ แล้วก็ถือว่าน่ากังวลอยู่แม้เกมล่าสุดจะยิงไม่ได้ก็ตามที ซึ่งเป็นเพียงเกมเดียวจาก 29 เกมหลังสุดเท่านั้น
สามวันให้หลังทีมมีคิวลงเล่นในเกมคาราบาว คัพรอบตัดเชือกนัดแรกที่จะเปิดบ้านเจอกับ สเปอร์ส ตามด้วยวันที่ 8 มกราคมจะเปิดลงเล่นในบ้านอีกครั้งเจอ เชสเตอร์ฟิลด์ ในเกมเอฟเอ คัพ รอบที่ 3
หลังจากนั้นทีมจะต้องลงเล่นเกมเลกที่สองกับ สเปอร์ส ในเกมเลกที่สองของศึกคาราบาว คัพซึ่งก็ต้องอิงผลจากเกมแรกด้วยว่าโอกาสมากน้อยแค่ไหนกัน
เมื่อเสร็จศึก "ลอนดอน ดาร์บี้" ในบอลถ้วยทีมต้องบุกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมพรีเมียร์ลีก ซึ่งหากมองจากตรงนี้ทีมต้องการชัยชนะสถานเดียวเพื่อรักษาโอกาสในการแย่งชิงโทรฟี่
นั่นคือสิ่งที่ เชลซี อยู่ ซึ่งมันอาจจะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในซีซั่นนี้ด้วยทั้งในลีกและบอลถ้วย ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นอย่างที่ โธมัส ทูเคิ่ล บอกว่าทีมยังคงต้องแก้ไขสถานการณ์ปัญหาเรื่องนักเตะกันต่อไป เพราะตอนนี้เจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าจะอะไรยังไงทั้งพวกติดโควิดและพวกที่ยังต้องดูว่าฟิตช่วยทีมได้รึเปล่า
เอาเป็นว่าเริ่มต้นจากเกมเจอกับ ลิเวอร์พูล วันอาทิตย์นี้ก่อนเลย เพราะมันอาจจะเป็นตัวเพิ่มความมั่นใจหรือลดความมั่นใจได้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT