พ่ายแพ้แต่ภูมิใจ
ด้วยสกอร์เกมแรกที่ตามหลัง 1-3 แถมเกิดขึ้นในรังตัวเองด้วยคงไม่มีใครคาดคิดว่าทัพ "สิงห์บลูส์" จะพลิกสถานการณ์เข้ารอบได้ นอกจากแฟนบอลของพวกเขาและสโมสร
และพวกเขาก็ทำ (เกือบ) สำเร็จ โดยเฉพาะการบุกนำถึง 3-0 แซงหน้าด้วยผลประตูรวม แต่ดันไปโดนตีไข่แตกทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษ สุดท้ายโดนเพิ่มอีกลูกกลายเป็นตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
แต่อย่างน้อยมันก็มีช่วงเวลาที่ทำให้แฟนๆหัวใจพองโต และคนอื่นที่ได้ดูเกมรู้สึกทึ่งกับผลงานและแผนที่ โธมัส ทูเคิ่ล เตรียมมาในเกมนี้อย่างแน่นอน
บุก บุก แล้วก็บุก
สถิติจากเกมที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบวแสดงให้เห็นว่า เชลซี ครองเกมได้เหนือกว่าในทุกด้านทั้งการครองบอล โอกาสทำประตู ยิงเข้ากรอบ หรือแม้แต่ลูกเตะมุม
"สิงห์บลูส์" ครองบอลที่ 57 เปอร์เซ็นต์ ตลอด 120 นาที ถือเป็นตัวชี้วัดได้เป็นอย่างดีว่าพวกเขาทำได้เหนือกว่าเจ้าบ้าน
โอกาสทำประตูในเกมนี้ของ เชลซี มากถึง 28 หน ในขณะที่ เรอัล มาดริด มีแค่ 10 ครั้ง โดยเป็นการยิงเข้ากรอบ 7 หนและได้มา 3 ประตู ในขณะที่การเตะมุมนั้นทีมทำได้มากถึง 10 ครั้ง เทียบกับเจ้าบ้านที่ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ประตูแรกของ เมสัน เมาท์ เป็นตัวบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าพวกเขาสามารถคุมเกมไว้ได้ตั้งแต่สิ้นเสียงนกหวีดแรก และก็เป็นอย่างนั้นตลอดจนสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้าย
เชลซี ที่มุ่งมั่น แต่ เรอัล ก็เด็ดขาด
แน่นอนว่าเกมนี้ไม่ใช่การเล่นเกมเยือนในแบบทั่วๆไปที่เรามักได้เห็นกัน เมื่อเกมแรกแพ้คาบ้านมาก่อนแถมเสียถึงสามประตู แน่นอนว่าทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล ต้องเปิดเกมบุกเสมือนว่าเป็นการเล่นในบ้านตัวเอง
รูปแบบการเล่นของทีมคล้ายกับเกมที่ทีมบุกถล่ม เซาธ์แฮมป์ตัน 6-0 ในเกมลีกก่อนหน้า แม้จะมีความยากมากกว่าก็ตาม ทีมเอาชนะในการดวลตัวต่อตัว 77 ครั้งต่อ 69 ครั้ง เข้าสกัดบอลสำเร็จมากกว่าหนึ่งครั้ง และดวลกลางอากาศชนะมากกว่าถึงสองเท่า
แต่ถึงกระนั้นเมื่อเทียบจากโอกาสที่เกิดขึ้นนั้นต้องบอกว่าความเด็ดขาดของทีมไม่ได้เหนือกว่าทาง เรอัล มาดริด เมื่อทีมได้ประตูจากโอกาสที่มี ทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ ก็ทำได้เช่นเดียวกัน ระหว่างเข้ากรอบ 7 ครั้งได้ 3 ประตูของทีมกับเข้ากรอบ 4 หนได้ 2 ประตูของ "ราชันชุดขาว"
เรอัล มาดริด ไม่พลาด "โอกาสใหญ่" ที่ทีมทำได้เลย เรียกได้ว่าความเด็ดขาดในจังหวะเข้าทำนั้นยอดเยี่ยมกับการส่งให้ เชลซี ต้องตกรอบไป
เปลี่ยนแปลงรูปแบบ
จากความพ่ายแพ้ในเกมแรกที่สแตมฟอร์ด บริดจ์อย่างที่เห็นกันว่า อันเดรียส คริสเตนเซ่น โดน วินิซิอุส เล่นงานอย่างหนัก นั่นทำให้ โธมัส ทูเคิ่ล ตัดสินใจเาอ รีซ เจมส์ มายืนเป็นหนึ่งในสามเซนเตอร์ทางฝั่งขวา พร้อมกับเอา รูเบน ลอฟตัส-ชีค มาช่วยอีกคนทางวิง-แบ็กขวาด้วย
เช่นเดียวกับวิง-แบ็กทางซ้ายที่ มาร์กอส อลอนโซ่ ที่เล่นเกมบุกได้ดีลงทำหน้าที่ รวมถึงกองกลางที่ทีมเอา มาเตโอ โควาซิช ที่มีความสามารถในการไปกับบอลได้ดีลงเล่นแทน จอร์จินโญ่ ที่ขาดคุณสมบัติตรงนี้ไป
ส่วน ทิโม แวร์เนอร์ ที่ทำได้อย่างโดดเด่นในเกมที่เซนต์ แมร์รี่ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในแนวรุกร่วมกับ เมสัน เมาท์ และ ไค ฮาแวร์ตซ์
ทุกคนล้วนเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี พาทีมคว้าชัยชนะมาครองได้สำเร็จ เพียงแต่ไม่เพียงพอที่จะทำให้ผ่านเข้ารอบต่อไปได้เท่าไร
แต่อย่างน้อยทีมก็ทำสถิติชนะ 8 เกมติดต่อกันนอกบ้านทุกรายการซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ของสโมสรปลอบใจกันไป
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT