Third Time Lucky ของ เชลซี
เฉพาะปีนี้ก็หนที่สองแล้วหลังจากที่เข้าชิงชนะเลิศคาราบาว คัพซึ่งคู่แข่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ลิเวอร์พูล นี่เอง โดยเกมนั้นจบเกมด้วยการเสมอกันไปก่อนจะต้องดวลจุดโทษถึง 11 คนสุดท้าย เกปา อาร์รีซาบาลาก้า เป็นคนพลาดทำให้ทีมแพ้ไป
ในรายการเอฟเอ คัพนี้ก็เป็นการเข้าชิงชนะเลิศเป็นปีที่สามติดต่อกันแล้ว ซึ่งสองหนแรกจบลงด้วยความพ่ายแพ้อย่างเจ็บช้ำให้กับ อาร์เซน่อล 1-2 ในปี 2019/20 และเมื่อปีที่แล้วที่แพ้ เลสเตอร์ ซิตี้ 0-1
แน่นอนว่าในการเข้าชิงถ้วยในปีนี้ทาง "สิงห์บลูส์" หมายมั่นปั้นมือว่าทีมจะชนะจนได้เหมือนกับคำที่ว่า "Third Time Lucky"
วันนี้ไปเจาะลึกสถิติก่อนที่ทั้งคู่จะเจอกันในวันเสาร์นี้
สถิติเจอกันในเอฟเอ คัพ
1931/32 รอบก่อนรองชนะเลิศ ลิเวอร์พูล 0-2 เชลซี
1961/62 รอบสาม ลิเวอร์พูล 4-3 เชลซี
1964/65 รอบรองชนะเลิศ ลิเวอร์พูล 2-0 เชลซี
1965/66 รอบสาม ลิเวอร์พูล 1-2 เชลซี
1977/78 รอบสาม เชลซี 4-2 ลิเวอร์พูล
1981/82 รอบห้า เชลซี 2-0 ลิเวอร์พูล
1985/86 รอบสี่ เชลซี 1-2 ลิเวอร์พูล
1996/97 รอบสี่ เชลซี ชนะ ลิเวอร์พูล 4-2
2005/06 รอบรองชนะเลิศ ลิเวอร์พูล 2-1 เชลซี
2011/12 รอบชิงชนะเลิศ เชลซี 2-1 ลิเวอร์พูล
2019/20 รอบห้า เชลซี 2-0 ลิเวอร์พูล
นี่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เอฟเอ คัพที่ผู้จัดการทีมเยอรมันมาเจอกันเอง
เกมนัดนี้จะเป็นการชิงชนะเลิศรายการนี้ครั้งที่ 16 ของ เชลซี และครั้งที่ 15 ของ ลิเวอร์พูล โดยฝั่ง เชลซี ได้แชมป์ไป 8 ครั้งเทียบกับ ลิเวอร์พูล ที่ได้ไป 7 ครั้ง
โธมัส ทูเคิ่ล ยังไม่แพ้ใน 4 เกมที่เจอกับ ลิเวอร์พูล (ยกเว้นดวลจุดโทษตัดสิน) นับตั้งแต่มาคุม เชลซี
ลิเวอร์พูล เก็บคลีนชีตได้เพียง 3 จาก 28 เกมหลังสุดที่เจอกันทุกรายการ
เชลซี และ ลิเวอร์พูล เป็นคู่ที่สองเท่านั้นในประวัติศาสตร์ที่เข้าชิงรายการคาราบาว คัพ และ เอฟเอ คัพในฤดูกาลเดียวกันต่อจาก อาร์เซน่อล กับ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ในปี 1992/93
ชัยชนะขาดที่สุดระหว่างสองทีม
เชลซี ชนะ ลิเวอร์พูล 6-1 เกมดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 1937/38
ลิเวอร์พูล ชนะ เชลซี 6-0 เกมดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 1934/35
สถิติ เชลซี
เกมรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพทั้งทีมชายและทีมหญิงเป็นการเผชิญหน้ากับคู่แข่งทีมเดียวกันในฤดูกาลนี้ของรอบชิงชนะเลิศลีก คัพ
ในเกมบอลถ้วยรอบชิงชนะเลิศ 3 ปีหลังสุดทั้งทีมชายและทีมหญิง เชลซี มีส่วนร่วมทั้งหมด
เชลซี เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จในศึกเอฟเอ คัพ มากที่สุดนับตั้งแต่ขึ้นปี 2000 โดยเข้าชิงไป 11 ครั้ง (รวมปี 2022) และคว้าแชมป์ได้ 6 สมัย
เชลซี เป็นทีมแรกที่ผ่านเข้าชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ 3 ฤดูกาลติดต่อกัน นับตั้งแต่ที่ อาร์เซนอล ทำเอาไว้ระหว่างซีซั่น 2000/01 ถึง 2002/03
เชลซี ผ่านเข้าชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน และเป็นครั้งที่ 5 ในรอบ 6 ฤดูกาลหลังสุด มีแค่ อาร์เซนอล (21) และ แมนฯ ยูไนเต็ด (20) ที่มากกว่า และมีเพียงแค่ 2 สโมสรดังกล่าวนี้ที่คว้าโทรฟี่เอฟเอ คัพมากกว่า เชลซี
เชลซี ผ่านเข้าชิงชนะเลิศบอลถ้วย 22 ครั้ง (ไม่นับ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ) จาก 19 ฤดูกาลหลังสุด โดยรวมแล้วทีมผ่านเข้ารอบชิงถ้วยอยู่ที่ 34 ครั้ง
นี่คือฤดูกาลที่ 6 ติดต่อกันที่ เชลซี ผ่านเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยรายการเมเจอร์ ซึ่งถือเป็นสถิติของสโมสร นอกจากนี้ "สิงห์บลูส์" ยังเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษที่ผ่านเข้าชิงชนะเลิศอย่างน้อย 1 จาก 2 รายการบอลถ้วยในประเทศ ได้ 6 ฤดูกาลติดต่อกันด้วย
หากไม่นับลงเล่น 3 นัดที่เป็นเกมเหย้าของท็อตแน่ม ทาง เชลซี จะลงแข่งขันเป็นครั้งที่ 28 ที่นิว เวมบลีย์ นับตั้งแต่เปิดใช้งานเมื่อปี 2007 ถือเป็นตัวเลขที่มากกว่าสโมสรอื่น
เชลซี ไม่สามารถเก็บชัยชนะในการลงแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ 4 ครั้งหลังสุดที่สนามกีฬาแห่งชาติ โดยมีเกมลีก คัพ 2022 กับลิเวอร์พูล, เอฟเอ คัพ 2021 กับเลสเตอร์ ซิตี้, เอฟเอ คัพ 2020 กับอาร์เซนอล และลีก คัพ 2019 กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยหนล่าสุดที่ทีมได้แชมป์ที่เวมบลีย์คือศึกเอฟเอ คัพ 2018 ที่ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 จากจุดโทษของ เอเด็น อาซาร์ ในครึ่งแรก
เชลซี คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ 8 สมัย โดย 8 กุนซือที่ไม่ซ้ำหน้ากันเลย และ โธมัส ทูเคิ่ล มีลุ้นเป็นคนที่ 9 ของสโมสร
นี่คือรอบชิงชนะเลิศครั้งที่ 6 ของ โธมัส ทูเคิ่ล นับตั้งแต่รับตำแหน่งคุมทีมเมื่อเดือนมกราคม 2021
หากได้ลงสนามในเกมนี้ เซซาร์ อัซปิลิเกวต้า จะลงเล่นเกมชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่ 13 ให้กับสโมสร ซึ่งมากกว่านักเตะคนอื่นของ เชลซี โดยช่วยให้ทีมได้แชมป์ 6 จาก 12 ครั้ง
ความพ่ายแพ้ในการดวลจุดโทษตัดสิน 10-11 ให้กับ ลิเวอร์พูล ในคาราบาว คัพ รอบชิงชนะเลิศ ถือเป็นครั้งแรกของพวกเราในฤดูกาลนี้ หลังเคยเอาชนะในการดวลจุดโทษ 3 ครั้งก่อนหน้ากับ บียาร์เรอัล (ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ), แอสตัน วิลล่า และ เซาธ์แฮมป์ตัน (คาราบาว คัพ)
ฤดูกาลนี้ เชลซี ลงเตะ ยาวถึงช่วงต่อเวลาพิเศษถึง 5 ครั้ง ซึ่งถือเป็นสถิติของสโมสร ทำลายถสิติ 4 ครั้งเกิดขึ้นในฤดูกาล 1997/98 และ 2011/12
เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ 5 ครั้งหลังสุดของ เชลซี
2011/12 เชลซี 2-1 ลิเวอร์พูล
2016/17 เชลซี 1-2 อาร์เซน่อล
2017/18 เชลซี 1-0 แมนฯ ยูไนเต็ด
2019/20 เชลซี 1-2 อาร์เซน่อล
2020/21 เชลซี 0-1 เลสเตอร์ ซิตี้
ตัวเลขสำคัญ
อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ลงเล่นเกมที่ 200 ให้กับทีมในเกมเยือน ลีดส์ โดยเขาคือผู้เล่นคนที่ 4 ในทีมชุดปัจจุบันต่อจาก เซซาร์ อัซปิลิเกวต้า, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ มาร์กอส อลอนโซ่ และเป็นแข้งนอกสหราชอาณาจักรคนที่ 27 ที่ลงเล่นถึงหลักนี้กับทีม
สถิติ ลิเวอร์พูล
ผลงานที่ดีที่สุดในเอฟเอ คัพ
แชมป์ : 1965, 1974, 1989, 1999, 2001, 2006
รองแชมป์ : 1914, 1950, 1971, 1977, 1988, 1996, 2012
ลิเวอร์พูล ผ่านเข้าชิงชนะเลิศลีก คัพ และ เอฟเอ คัพ ในฤดูกาลเดียวเป็นครั้งที่ 3 ต่อจากกซีซั่น 2001/02 และ 2011/12
ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ มีโอกาสคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ที่เวมบลีย์เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ฤดูกาล 1991/92 โดยครั้งนั้นทีมชนะ ซันเดอร์แลนด์ ในยุคของ แกรม ซูเนสส์ เป็นกุนซือ
ลิเวอร์พูล พังตาข่ายในเอฟเอ คัพไป 13 ลูก ถือว่ามากที่สุดในหนึ่งซีซั่นที่พวกเขาทำได้ นับตั้งแต่ปี 2011/12 (18 ลูก) โดยในปีนั้นพวกเขาแพ้ให้กับ เชลซี ในรอบชิงชนะเลิศ
ลิเวอร์พูล ทำไปแล้ว 142 ประตูจาก 59 เกมทุกรายการในฤดูกาลนี้ ถือเป็นตัวเลขที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรที่พวกเขาทำได้ในซีซั่นเดียว
"หงส์แดง" แพ้แค่เกมเดียวจาก 31 เกมทุกรายการในปี 2022 (ชนะ 24 เสมอ 6)
สถิติคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยามเจอ เชลซี : ชนะ 6 เสมอ 8 แพ้ 4
ผู้ตัดสินและวีเออาร์
ผู้ตัดสิน : เคร็ก พอว์สัน
วีเออาร์ : พอล เทียร์นี่ย์
เคร็ก พอว์สัน จะตัดสินเกมที่ เชลซี ลงเล่นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกมที่พวกเขาแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อเดือนมกราคม
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT