คนที่ใช่สำหรับ โธมัส ทูเคิ่ล
แน่นอนว่าสิ่งที่แฟนบอลเฝ้ารอนั่นก็คือการเสริมทีมภายใต้การบริหารของบอร์ดยุคใหม่ ที่รายงานเผยว่าเตรียมทุ่ม 200 ล้านปอนด์ให้กับ โธมัส ทูเคิ่ล
สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้คือการถูกนำไปเปรียบเทียบกับยุคของ โรมัน อบราโมวิช แน่เพราะนำมาซึ่งความสำเร็จของทีมอย่างมหาศาล
จุดที่ถูกมองว่ามันต้องได้ก็คือแนวรุกที่ดูเหมือนจะยังไม่ลงตัวสักทีแม้จะใช้เงินไปมหาศาลกับทั้ง โรเมลู ลูกากู, ทิโม แวร์เนอร์, ไค ฮาแวร์ตซ์, คริสเตียน พูลิซิช และ ฮาคิม ซิเย็ค แต่ยังไม่มีใครที่ฝากผีฝากไข้ได้สักคน
ล่าสุดปล่อย ลูกากู กลับไปให้ อินเตอร์ มิลาน ยืมตัวใช้งาน นั่นทำให้ทีมต้องหาตัวแทนเข้ามาอย่างแน่นอน
ราฮีม สเตอร์ลิ่ง คือชื่อที่อยู่บนหน้าสื่ออย่างต่อเนื่องและถูกมองว่าเข้ากับรูปแบบการทำทีมของนายใหญ่สิงห์บลูส์ที่เน้นเรื่องของความคล่องตัวในการขึ้นเกมรุก
แม้ว่านี่อาจจะทำให้แนวรุกบางคนอย่าง คริสเตียน พูลิซิช ที่เล่นในตำแหน่งเดียวกันต้องเผชิญความยากลำบากและอาจจะต้องย้ายออกไป แต่นี่คือเหตุผลว่าทำไม สเตอร์ลิ่ง อยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่าสตาร์ทีมชาติสหรัฐฯ
ทำประตูได้
ตอนที่ สเตอร์ลิ่ง ย้ายจาก ลิเวอร์พูล ไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อปี 2015 เขาถูกยกให้เป็นนักเตะที่ครองบอลแข็งแกร่งและพาบอลไปกับตัวได้ดี แต่ปัญหาก็คือเรื่องของการคุกคามคู่แข่งและการทำประตูอย่างสม่ำเสมอ
7 ปีผ่านไปอย่าวรวดเร็นจนถึงปัจจุบันและเราได้เห็นผู้เล่นเกมรุกที่มีความสมบูรณ์แบบ ช่วยพังประตูให้กับทีมสโมสรและทีมชาติ
สเตอร์ลิ่ง ถูกเล่นอยู่ทางซ้ายบ่อยครั้งหรือขัยบเข้ามาตรงกลาง แต่ดูทาง เชลซี ต้องการให้เขาเล่นทางซ้ายเป็นหลัก โดยมี ไค ฮาแวร์ตซ์ อยู่ตรงกลางในฐานะกองหน้าตัวเป้า
สตาร์ทีมชาติอังกฤษพัฒนาในเรื่องของการตัดสินใจได้ดีมากยิ่งจากการทำงานร่วมกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ซึ่งตอนนี้ทำให้เขาเป็นตัวอันตรายในแนวรุกแล้ว โดยเฉพาะการเลี้ยงเอาชนะคู่แข่งเข้าไปทำประตู
ไม่เพียงเท่านั้น ถึงแม้จะไปไม่ได้ก็เป็นการเปิดช่องทางให้เพื่อนได้เป็นอย่างดี หรือจะประสานงานกับเพื่อนก็ทำได้อย่างไร้ปัญหา และด้วยการเล่นนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ เชลซี ได้อย่างแน่นอน
สร้างโอกาสให้ ไค ฮาแวร์ตซ์
ในขณะที่ สเตอร์ลิ่ง เป็นตัวอันตรายในแง่ของการเลี้ยงบอลและการยิงในพื้นที่สุดท้าย เขายังสามารถสร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมได้ ซึ่งเรามักจะเห็นกันอยู่เสมอว่าเขาสามารถดึงดูดกองหลังฝ่ายตรงข้ามได้
ซึ่งนั่นจะเป็นการเปิดพื้นที่ให้กับเพื่อนร่วมทีมได้เป็นอย่าง และบ่อยครั้งนักเตะแบบนี้นี่แหละที่มีความสำคัญมากกว่ากองหน้าซะอีก
สเตอร์ลิ่ง ยกระดับในการพาบอลเข้าไปถึงเส้นเขตโทษ และไม่ว่าจะออกด้านข้างหรือตัดบอลเข้ากลางก็ล้วนสร้างโอกาสได้ ซึ่งนี่คือจุดแข็งของตัวรุกทีมชาติอังกฤษที่พัฒนาขึ้นมา
และด้วยสิ่งนี้เองจะช่วยทำให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่เรารู้กันอยู่แล้วว่ามีประสิทธิภาพทั้งเรื่องการเคลื่อนไหว การยืนตำแหน่ง และความคิดสร้างสรรค์ จะมีโอกาสอย่างมากมาย
สเตอร์ลิ่ง กับระบบของ เชลซี
ในขณะที่ คริสเตียน พูลิซิช ทำผลงานได้ดีในช่วงปลายฤดูกาล ตำแหน่งที่ถูกจับเล่นอยู่เสมอคือแนวรุกทางซ้าย ซึ่งเป็นจุดที่หาก สเตอร์ลิ่ง เข้ามาก็คงได้ออกสตาร์ทตัวจริงและถูกมองว่าจะยกระดับให้มีความน่ากลัวมากขึ้น
หลายครั้งในฤดูกาลที่ผ่านมาเราได้เห็น เมสัน เมาท์ สวมบทบาทนี้ แต่ดูจะขยับเข้ามาตรงกลางมากกว่าจนแทบจะกลายเป็นแข้งหมายเลข 10 ไปแล้ว
ด้วยการมี ไค ฮาแวร์ตซ์ ประจำการในแดนหน้า เราอาจจะได้เห็นการสลับตำแหน่งกันได้เนื่องจากทาง สเตอร์ลิ่ง เองก็มีประสิทธิภาพในการเล่นตรงกลางเช่นกัน และความคล่องตัวของทั้งคู่ไม่ใช่ปัญหาเลย
การสลับตำแหน่งเล็กๆน้อยๆนี่แหละอาจจะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้แนวรับคู่แข่งสับสนและโจมตีเพื่อทำประตูได้, พูลิซิช เป็นแนวรุกที่มีศักยภาพ แต่การมาของ สเตอร์ลิ่ง มีประสิทธิภาพมากกว่าที่ เชลซี จะคาดหวังได้
แล้วมันหมายความว่ายังไง?
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สเตอร์ลิ่ง จะเข้ามาอัพเกรดให้กับ เชลซี, พูลิซิช เป็นแข้งฝีเท้าดีแต่ สเตอร์ลิ่ง นั้นดีกว่าและหาก เชลซี ต้องการสู้เพื่อแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก พวกเขาต้องการผู้เล่นที่ดีกว่า
เขาทำให้ แมนฯ ซิตี้ อ่อนแอลงรึเปล่า? คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่การมาของ สเตอร์ลิ่ง จะช่วยให้พวกเขาขยับเข้าใกล้ทั้ง ลิเวอร์พูล และ ซิตี้ มายิ่งขึ้น และขยับหนีห่าง แมนฯ ยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล และ สเปอร์ส มากขึ้น
แม้ราคาอาจจะสูงหน่อยแต่ก็สมเหตุสมผลมากเช่นกัน เหมือนกับการส่ง โรเมลู ลูกากู กลับไป อินเตอร์ มิลาน นี่แหละ
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT