ตอนนี้แฟนบอล เชลซี รอยหน้าคงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มกันบ้างหลังจากที่มีแต่เรื่องไม่ดีเกี่ยวกับทีมมาตลอดสัปดาห์
ชัยชนะสวยหรูสองเกมติดแบบไม่เสียประตู ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศในเอฟเอ คัพ ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับทีมได้เป็นอย่างดีก่อนทำศึกสำคัญกับ บาร์เซโลน่า
นอกจากกำลังใจที่มาเต็มแล้วยังมาพร้อมกับสภาพทีมที่น่าจะสมบูรณ์เต็มที่หลังจากให้นักเตะตัวหลักได้พักเต็มๆทั้ง เอแด็น อาซาร์, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, วิคเตอร์ โมเสส, ติโบต์ กูร์กตัวส์ หรือจะรวม มาร์กอส อลอนโซ่ ที่ร่างกายไม่ฟิตเต็มร้อยด้วยก็ได้
หากดูจากสภาพทีมจาก ฮัลล์ ซิตี้ ก็ไม่น่าแปลกใจกับการจัดทีมแบบเปลี่ยนแทบ "ยกชุด" ของ อันโตนิโอ คอนเต้ ลำพังแค่สู้กันซึ่งๆหน้าก็แทบจะไม่รอดกลับไปแล้ว นี่ "เดอะ ไทเกอร์" ยังมาพร้อมกับสภาพที่พันแผลมาเกือบทั้งตัวจากอาการบาดเจ็บที่เล่นงานนักเตะไป 4-5 ราย
ได้เห็น อันโตนิโอ คอนเต้ สะใจแบบนี้ แฟนสิงห์บลูส์ก็พลอยเฮฮาไปด้วย
ไหนจะสถานการณ์ที่ล่อแหลมต่อการตกชั้นไปสู่ลีก วันอีก ยิ่งทำให้ทัพเศรษฐีจากลอนดอนแทบจะปิดประตูแพ้ในเกมนี้เลย เพราะทาง ฮัลล์ มีโปรแกรมลงเล่นในแชมเปี้ยนชิพถึง 6 เกมในรอบ 3 สัปดาห์ข้างหน้า
ระบบการเล่น 3-4-3 ตามปกติ แต่สิ่งที่ได้เห็นในวันนี้พิเศษกว่าเดิม
วันนี้แฟนบอลมีโอกาสเห็นแบ็คซ้ายตัวใหม่อย่าง เอแมร์สัน พัลเมยรี่ ลงสนามเกมแรก, ได้เห็นการขึ้นเกมรุกยามไม่มี เอแด็น อาซาร์ เผื่อในสถานการณ์ฉุกเฉิน, ได้เห็นการประสานงานของสองนักเตะชาวสเปนอย่าง เชส ฟาเบรกาส และ เปโดร โรดริเกซ รวมถึงการได้เห็น แดนนี่ ดริ๊งวอเตอร์ เป็นตัวตัดเกมหากไม่มี เอ็นโกโล่ ก็องเต้
และทุกอย่างก็ยิ่งดูง่ายไปหมดเมื่อ วิลเลี่ยน ปลดล็อคประตูให้ทีมตั้งแต่ยังไม่ถึงสองนาทีเต็ม จากที่เหนือชั้นกว่ามากเลยกลายเป็นยิ่งทำให้เจ้าถิ่นเล่นง่ายเข้าไปใหญ่ แถม โอลิวิเยร์ ชิรูด์ มาพังประตูบวกอีกสองแอสซิสต์แบบนี้เจ้าตัวกำลังใจกระฉูด
โอลิวิเยร์ ชิรูด์ บรรจงจูบหน้าผาก เอแมร์ซอน ที่แอสซิสต์ให้พังประตู
แถมยังยิ่งตอกย้ำให้เกมจบตั้งแต่ครึ่งแรกเมื่อประตูไหลมาเทมาจบที่ 4-0 ก่อนพักครึ่ง สร้างความสุขให้แฟนตั้งแต่ 45 นาทีแรก ช่วยให้สามารถเปิดโอกาสให้เด็กดาวรุ่งอย่าง คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย กับ ไคล์ สก็อตต์ สองกองกลางดาวรุ่งได้โอกาสลงสนามเก็บเกี่ยวประสบการณ์
สกอร์ขาด รูปเกมเหนือกว่า ถึงคราวทดลองอะไรบางอย่างแล้ว โดยเฉพาะในเกมรับที่ปล่อยให้ ฮัลล์ ได้เดินหน้าบุกขึ้นมาบ้าง ถึงแม้ว่ามันจะเทียบไม่ได้กับ บาร์เซโลน่า คู่ต่อสู้เกมถัดไปก็เถอะ
การเสียลูกจุดโทษอาจจะไม่ได้อยู่ในความคาดหมายของ อันโตนิโอ คอนเต้ จังหวะที่สกัดของ เชส ฟาเบรกาส ก็ดูจะโฉ่งฉ่างเกินไปหน่อย แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นในเกมแบบนี้ก็ถือเป็นเรื่องดีเหมือนกัน เพราะมันยิ่งช่วยให้นักเตะเพิ่มความระมัดระวังขึ้นอีก
วิลเลี่ยน ซัดคนเดียวสองประตูจากเท้าซ้ายและเท้าขวาอย่างละเม็ด
การเซฟจุดโทษของ วิลลี่ กาบาเยโร่ เพิ่มความมั่นใจให้กับมือกาวหมายเลขสองของทีมได้เช่นกัน เพราะการเสียประตูอาจจะทำให้ ฟาเบรกาส รู้สึกหงุดหงิดในใจอยู่บ้าง แต่พอไม่เสียอะไรก็ดูดีไปหมด
สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยคือสามประตูแรกของเกมมาจากการยิงนอกกรอบทั้งหมด บางทีนี่อาจจะเป็นหนึ่งในอาวุธเด็ดในการปลิดชีพ บาร์เซโลน่า ในเกมที่กำลังจะมาถึงกลางสัปดาห์นี้
สำเร็จไปแล้วสองทั้งในลีกและเอฟเอ คัพ ชัยชนะพร้อมความมั่นใจเต็มที่ นักเตะสมบูรณ์เต็มร้อย นาทีนี้สมควรที่จะบอกได้ว่า "สิงห์บลูส์" พร้อมแล้วกับการประชันศึกกับยักษ์ใหญ่จากสเปน
หรือจะบอกว่า เชลซี กลับมาเป็น "เชลซี" อย่างที่ควรจะเป็นเหมือนกับเมื่อฤดูกาลการแล้ว