อาร์โน มิเชลส์ : กว่าทศวรรษในฐานะมือขวา โธมัส ทูเคิ่ล
นับตั้งแต่สร้างชื่อมากับ ไมนซ์ เมื่อปี 2009 และก้าวขึ้นมาเป็นกุนซือแถวหน้าของประเทศที่ ดอร์ทมุนด์ เรื่อยมาจนถึง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และในปัจจุบันกับ เชลซี ความสำเร็จของนายใหญ่ชาวเยอรมันจะมีเพื่อนร่วมชาติคนนี้เป็นส่วนหนึ่งตลอด
นี่คือจุดเริ่มของ มิเชลส์ กับความหลงใหลในเกมลูกหนังกระทั่งมาร่วมงานกับ ทูเคิ่ล จนถึงปัจจุบัน
เรื่องราวฟุตบอลของคุณเริ่มต้นได้ยังไง?
มันนานมาแล้ว ผมเริ่มต้นเล่นฟุตบอลตอนอายุ 7 ปี ผมไม่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะอาชีพ ผมเล่นแบบกึ่งอาชีพ ในเยอรมันผมเล่นในลีกอันดับ 4 เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้วซึ่งในช่วงท้ายอาชีพผมเล่นในลีกระดับ 3 กับทีมบ้านเกิดอย่าง ไอน์ทรัค เทรียร์ แต่ในขณะเดียวกันผมก็เป็นผู้ช่วยโค้ชทีมชุดใหญ่ด้วย ดังนั้นผมค้าแข้งและเป็นเทรนเนอร์ในทีมเดียวกันซึ่งผมรับผิดชอบทีมเยาวชนและทีมชุดยู-23
จากนั้นเราก็ขยับขึ้นมาในลีกา สอง ซึ่งผมอยู่กับทีมในฐานะผู้ช่วยผู้จัดการทีม 3 ปีจนถึงปี 2005, ผมไปเป็นโค้ชของ อาห์เล่น อยู่ปีครึ่ง จากนั้นผมตัดสินใจทำบางอบ่างที่แตกต่างออกไปและไปสอบไปอนุญาตโปร ไลเซนส์เมื่อปี 2006 ทำให้ผมได้เจอ โธมัส, จากนั้นผมก็ทำงานอีกครั้งให้กับสโมสรกึ่งอาชีพและผมคิดว่านี่อาจจะเป็นอาชีพของผมในวงการฟุตบอล
แล้วมันเป็นยังไง?
ในปี 2009 ผมได้รับโทรศัพท์จาก โธมัส, ผมทำงานให้กับสหพันธ์ฟุตบอลและชั่วข้ามคืนผมก็กลายเป็นโค้ชของ ไมนซ์ ทีมในบุนเดสลีกา เราติดต่อกันมาก่อนเพราะเขาต้องการเจอกับทีมของผม แต่สำหรับผมมันเป็นความโชคดีที่มีโอกาสทำงานให้กับสโมสรในบุสเดสลีกา ดังนั้นผมจึงออกจากงานที่สหพันธ์ฟุตบอลเยอรมันหลังจากทำงานเพียง 4 สัปดาห์!
ผมมาเป็นผู้ช่วยของเขาที่ ไมนซ์ และตอนนี้ก็อยู่กับ โธมัส มา 13 ปีแล้ว ผมคิดว่าสิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับฟุตบอลผมเรื่องรู้จากเขาในช่วงที่ทำงายด้วยกัน
คุณเล่นตำแหน่งไหนตอนเป็นนักเตะ?
ผมเล่นตำแหน่งกองกลาง ผมเริ่มจากตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกและจากนั้นก็เหมือนกับปกติด้วยประสบการณ์ผมจบที่การเล่นเกมรับ ในฐานะแข้งเบอร์ 6 เดี่ยวหรือแบบคู่ มันเกี่ยวกับการคุมเกมมากกว่า
เป็นเพราะคุณเล่นแบบกึ่งอาชีพเลยเป็นเหตุผลให้คุณต้องทำงานโค้ชเพื่อหารายได้พิเศษรึเปล่า?
ใช่ ผมเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬาที่โคโลญจน์ และผมมีความสนใจไม่ใช่แค่การเล่นเท่านั้นแต่รวมถึงทุกอย่างเกี่ยวกับการฝึกซ้อมด้วย ผมดูเกมมากมายที่โคโลญจน์ ในช่วงเวลานั้นพวกเขาไม่ได้แย่และอยู่ใกล้กับสถานที่เรียนของผม แค่ 100 เมตรจากสนาม ดังนั้นผมรู้สึกอยู่ตลอดว่าใกล้กับฟุตบอลอาชีพ แม้ว่าจะไม่ได้เล่นก็เถอะ
มันเป็นความปรารถนาของผมที่จะอยู่ในสนามและทำงานในวงการฟุตบอล ผมสนใจเสมอว่าจะปรับปรุงผู้เล่นได้ยังไง
ผมยังทำงานในศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพเมื่อเรียนจบ มันเป็นศูนย์รวมของนักเตะที่บาดเจ็บ แต่ก็รวมถึงอาการบาดเจ็บอื่นๆด้วย และนั่นช่วยผมให้เขาใจด้านการแพทย์เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บด้วย ซึ่งมันดีสำหรับผมในฐานะผู้ช่วยผู้จัดการทีม
ตอนนี้คุณกำลังทำงานเพื่อใบอนุญาตของยูฟ่ากับ โธมัส, คุณรู้จักเขาหรือทำงานร่วมกันในสนามรึเปล่า?
ไม่มากนัก ในกลุ่มมีประมาณ 25 คน แต่ไม่ใช่ว่าคุณสนิทสนมกันขนาดนั้น ผมไม่พูดว่านั่นคือจุดเริ่มต้น สำหรับผมมันเป็นความโชคดีที่ผมได้รับโอกาสจากเขา
เขาคุยกับโค้ชหลายคนตอนที่เขาต้องการผู้ช่วยและเจาถามผมตามที่เขารู้จัก เรารู้จักกันแต่ไม่รู้เรื่องการทำงานว่ายังไง ดังนั้นมันเป็นเรื่องของความพยายาม ภรรยาของผมทำงานในเมืองเดียวกับที่ โธมัส ก้าวมาเป็นโค้ช ดังนั้นสถานการณ์จึงสมบูรณ์แบบที่จะร่วมงานกัน ผมกระหายที่จะทำงานในบุนเดสลีกา เยอรมัน มันเป็นความฝันเสมอ
เราลองสิ่งต่างๆที่ ไมนซ์, ผมจะไม่พูดว่าเราไม่มีอะไรจะเสียเพราะมันสำคัญสำหรับ โธมัส, มันเป็นครั้งแรกในฐานะเฮ้ดโค้ชของทีมบุนเดสลีกา แต่เราก็สามารำงานของเราเพื่อฝึกฝน เราสามารถลองทำสิ่งต่างๆได้ เขาให้เราทำสิ่งต่างๆ ดังนั้นเราได้ประสบการณ์จากการทำบางสิ่งด้วยตัวเอง มันเป็นอะไรที่เป็นครั้งแรกมาก
ความฝันยิ่งใหญ่มากขึ้นเมื่อคุณไปที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์...
มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเพราะด้วยจำนวนเกมที่เราต้องเล่น มันเป็นครั้งแรกที่เราต้องรับมือกับเกมมากมาย นักเตะที่ดีกว่า ประสบการณ์มากกว่า ผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จ เรารอดจากเหตุผลระบิดด้วย (ในปี 2017 ด้วยระเบิด 3 ลูกระหว่างเดินทางไปเล่นเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก) มันเป็นส่วนหนึ่งของโชคครั้งใหญ่ของเราด้วย ผมไม่ชอบที่จะพูดมากถึงเรื่องนี้ แต่ช่วงเวลาเหล่านั้นทุกคนอยู่ด้วยกัน
คุณทำงานร่วมกันมาอย่างยาวนานในลีกที่แตกต่าง, ในฝรั่งเศสกับ เปแอสเช และที่ เชลซี คุณต้องมีวิธีการทำงานที่มั่นคงแต่มันเปลี่ยนไปตามกาลเวลารึเปล่า?
แน่นอน ประสบการณ์ของเราเปลี่ยนไป ประสบการณ์ของนักเตะเปลี่ยนไป ความทะเยอทะยานของนักเตะเปลี่ยนไป และสโมสรที่แตกต่างคุณต้องปรับให้เข้ากับสไตล์การเล่นในแต่ละประเทศ เราทำงานร่วมกับผู้เล่นที่มีประสบการณ์และประสบความสำเร็จอย่างมากซึ่งเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ได้เห็นพวกเขาในสนาม เราชอบดูฟุตบอลแบบนี้ มันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษจริงๆเมื่อเราเล่นกับ วูล์ฟแ)ม์ตัน ในเกมแรกที่นี่ กับการได้เห็นว่าลีกนี้มีศักยภาพแค่ไหน คุณมองเห็นภาพ คุณเห็นวิดีโอ คุณเห็นสนาม แต่ถ้าคุณเป็นส่วนหนึ่งของมัน มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผม"
โธมัส ได้อธิบายก่อนหน้านี้ว่าในฐานะทีมโค้ช ถ้าคุณไม่แฮปปี้กับฟอร์มการเล่น คุณจะต้องถามก่อนว่ามีอะไรที่โค้ชควรทำที่แตกต่างออกไปรึเปล่า...
สิ่งสำคัญคือการมุ่งมั่นกับตัวเอง ให้คำติชมตัวเองเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับงานของเรา หากแนวทางในเกมของเราถูกต้อง เราก็สามารถเรียกร้องจากผูู้เล่นได้ บางครั้งแนวทางของเราก็ถูก บางครั้งก็ผิด ดังนั้นจึงเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องที่คุณต้องมีฟีดแบ็ก ระวังสิ่งที่กำลังทำและโฟกัสที่งานของคุณ เป็นการปรับตัวให้าเข้ากับสถานการณ์
จากมุมมองของคุณมันเป็นยังไงกับการมาถึงในเดือนมกรารคม 2021 และจากนั้นก็คว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีกหลังผ่านไปแค่ 4 เดือน?
มันวิเศษมาก เราไม่มีเวลามากที่จะคิดเกี่ยวกับหลายสิ่งหลายอย่าง เราเข้ามาและเป้าหมายของเราคือผ่านเข้ารอบแชมเปี้ยนส์ ลีก (ในปีถัดไป) และเราทำมันสำเร็จในวันสุดท้ายซึ่งช่วยให้เราคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีกได้
มันเป็นการก้าวไปทีละก้าว ต่อสู้เพื่ออันดับสี่ และทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดีตั้งแต่เริ่มต้น เราคว้าชัยในการเจอกับทีมที่ดีมากมาย เราคว้าชัยที่ ท็อตแน่ม, เราชนะที่ ลิเวอร์พูล, เราชนะเกมสำคัญในแชมเปี้ยนส์ ลีกกับ แอตเลติโก และทันใดนั้นคุณก็มีความไว้วางใจและเชื่อใจมากมายว่าคุณสามารถทำมั่นได้ในแชมเปี้ยนส์ ลีกเช่นกัน มันไม่ใช่ว่าคุณเข้ามาแล้วพูดว่าจะผ่านเข้าไปชิงแชมเปี้ยนส์ ลีกได้ไหม มันไม่ใช่ความคิดแรกของเรา
เราอยู่โรงแรมกัน 4 คนเป็นเวลา 3 เดือนตอนที่เราเข้ามา ทุกอย่างมีการล็อคดาวน์ ดังนั้นเราโฟกัสแค่ฟุตบอลเท่านั้น ดูเกมพรีเมียร์ลีกและคุยกันเกี่ยวกับฟุตบอลมากมาย มันเป็นช่วงเวลาที่เข้มข้นมากแต่เราไม่คิดว่าท้ายที่สุดแล้วจะไปถึงแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก เราถูกขับเคลื่อนไม่มากก็น้อยในการคว้าอันดับ 4 ไปทีละเกม
และจากนั้นเมื่อฤดูกาลที่แล้วก็มีเกมมากมายที่ต้องเล่น
สำหรับผมโดยส่วนตัวแล้ว มันเป็นฤดูกาลที่ยากที่สุดจนถึงตอนนี้ มี 63 เกมที่ต้องเล่นและมีสถานการณ์โควิดซึ่งเราแข่งขันในระดับสูงกับทีมที่ยอดเยี่ยม ซึ่งพวกเขาก็ไม่แพ้เกมมากนัก ดังนั้นมันเหมือนกับรอบชิงชนะเลิศตลอดเวลา
เราต้องรับมือกับอาการบาดเจ็บ และก็ยังมีเกมสโมสรโลกและเราลงเล่นทุกรายการจนกระทั่งจบหรือเกือบจบฤดูกาล ปกติเราควรมีความสุขกับฤดูกาลนี้มาก เราผ่านการเข้าชิงชนะเลิศบอลถ้วย 2 ครั้งซึ่งไม่แพ้ มันคือการดวลจุดโทษซึ่งมันเป็นปีที่ยากทีเดียว
คุณกับ โซลท์ เลิฟ ผู้ช่วยอีกคนมีบทบาทที่คล้ายกันรึเปล่า?
ใช่ แต่เขานำประสบการณ์และแนวทางที่แตกต่างจากการทำงานที่ ไลป์ซิก มาด้วย และเขายังสามารถเพิ่มประสบการณ์ของเขาในฐานะผู้เล่นมืออาชีพและรู้ว่าผู้เล่นทุกคนรู้สึกยังไง ผมทำไม่ได้ส่วนทาง โธมัส ก็เฉยๆ"
เราแบ่งปันแนวคิดเกี่ยวกับฟุตบอล เรามีงานแบบเดียวกันไม่มากก็น้อย เรามี แอนโธนี่ (แบร์รี่) ในทีมโค้ชและมี โจ (เอ็ดเวิร์ด) ที่น่าสนใจเพราะพวกเขาใช้ภาษาที่แตกต่างกัน มันเป็นเรื่องดีสำหรับทีมที่จะมีแนวคิดใหม่ๆ
สุดท้ายแล้ว คุณทำงานกับ โธมัส มานานกว่าใคร คุณช่วยบอกเราเกี่ยวกับสิ่งที่เราอาจจะไม่รู้ได้ไหม?
สิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นคือเขาเป็นหนึ่งนผู้ชายที่ตลกที่สุดเท่าที่คุณจะจินตนาการได้ เขาสามารถเปลี่ยนมันได้เหมือนกับนักแสดง และเขาฉลาดมาก เขาสามารถหัวเราะตัวเองได้ ผมเคยพูดกับเขาว่าเขาสามารถเป็นนักแสดงได้ ผมสามารถมองเห็นการแอ๊คติ้งของเขาในภาพยนต์
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT