เล่นด้วยวินัยจนได้ชัยชนะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทีมต้องการเล่นผู้เล่น 10 คนนานกว่า 1 ชั่วโมงของเกม แม้จะเล่นในบ้านและศักยภาพเหนือกว่าผู้มาเยือน แต่เกมระดับนี้การเล่นด้วยนักเตะที่น้อยกว่าไม่มีอะไรง่ายอยู่แล้ว
การเสีย คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ในแดนกลางทำให้เกมเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด จากที่ดูดีกว่าในช่วงแรกกลายเป็นว่าทีมต้องปรับกลยุทธในการเล่น ทำให้บทสรุปหลังจบเกมนั้นทีมได้ครองบอลเพียง 34 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นนับตั้งแต่ผู้เล่นน้อยกว่า
จากที่เริ่มต้นด้วยระบบ 4-2-2-2 ทีมต้องปรับมายืน 4-2-2-1 แทน ด้วยการถอย รูเบน ลอฟตัส-ชีค ลงมายืนตรงกลางกับ จอร์จินโญ่ พร้อมขยับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ขยับมาเป็นเพลย์เมกเกอร์ ปล่อยให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ยืนหน้าเป้าไป
นั่นทำให้ช่วงพักครึ่งเวลา โธมัส ทูเคิ่ล ต้องขยับเปลี่ยนตัวด้วยการถอดผู้เล่นในแนวรุกออกไป ซึ่งหวยไปออกจาก เมสัน เมาท์ โดยเอา เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ลงมา พร้อมปรับมาเล่นในระบบ 3 เซนเตอร์ พร้อมให้ มาร์ก กูกูเรย่า และ รีซ เจมส์ ไปเป็นวิง-แบ็ก
ซึ่งมันก็ได้ผลเป็นอย่างดีเลยกับการเติมเกมรุกของทั้ง กูกูเรย่า และ เจมส์ ที่ทำให้ทีมได้ทั้งสองประตูในเกมนี้มา
เลสเตอร์ พยายามเล่นเกมด้านข้างเพื่อเปิดพื้นที่ตรงกลางมากขึ้น ซึ่งพวกเขาก็ได้ประตูที่ต้องการ เพียงแค่ไม่เพียงพอให้มีแต้มกลับบ้านได้ในเกมนี้
ต้องชื่นชมการวางแผนของนายใหญ่ชาวเยอรมัน และการเล่นด้วยวินัยของผู้เล่น "สิงห์บลูส์" ที่ช่วยกันจนผ่านเกมนี้ไปได้พร้อมชัยชนะ
ถือเป็นการเรียกความมั่นใจได้เป็นอย่างดีก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงโปรแกรมชุก 6 เกมในระยะเวลา 20 วัน
รีซ เจมส์ กับความมั่นใจและเยือกเย็น
โธมัส ทูเคิ่ล พูดถึงความเก่งกาจและอเนกประสงค์ของ รีซ เจมส์ ที่นำมาสู่ทีม ซึ่งเราได้เห็นกันมาตลอดภายใต้การทำงานกับนายใหญ่ชาวเยอรมันที่เจ้าตัวสามารถเล่นได้ทั้งวิง-แบ็กขวาหรือหุบเข้าไปเล่นในเซนเตอร์ทางขวาที่ยืน 3 คน
แน่นอนว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดของเขาคือการเล่นริมเส้นและเติมเกมรุก ซึ่งเจ้าตัวได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในอังกฤษตอนนี้ แม้ว่าเกมรุกอาจจะไม่ปรู๊ดปร๊าดเท่ากับ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ของ ลิเวอร์พูล แต่เกมรับนั้นดีกว่า เรียกได้ว่ามีบาลานซ์มากกว่า
ในเกมนี้ เจมส์ เป็นคนที่เล่นได้อย่างโดดเด่น โดยเจ้าตัวคือคนที่เล่นกับบอลมากที่สุดในทีมและความแม่นยำในการจ่ายบอลก็อยู่ในระดับ 91 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว เท่ากับ จอร์จินโญ่ แต่มองจากการทำงานนั้นต้องบอกว่าเหนือกว่า
ในเกมนี้เจ้าตัวยังแอสซิสต์ประตูที่สองของทีม และยังมีโอกาสสับไกสองหนด้วย โชคร้ายที่หนึ่งในนั้นคือการยิงชนเสาก่อนพักครึ่งแรก
ใครที่โดดเด่นอีก?
แน่นอนว่าการเล่นด้วยนักเตะที่น้อยกว่า จุดที่จะโดนโจมตีมากสักหน่อยก็คือในเกมรับ ซึ่งนอกจาก เจมส์ ที่ทำได้ดีจนได้รับคำชื่นชมอีกคนที่ต้องปรบมือให้ก็คือ ติอาโก้ ซิลวา
ทั้ง 5 ครั้งที่เข้าสกัดในเกมนี้ประสบความสำเร็จทั้งหมด มีแค่ ยูริ ตีเลมันส์ (6) ของ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ทำได้ดีกว่า นอกจากนี้ยังดวลกลางอากาศชนะ 4 ครั้ง สูงที่สุดในเกมร่วมกับ ไค ฮาแวร์ตซ์ กองหน้าเพื่อนร่วมทีมด้วย
ในขณะที่ทาง เอดูอาร์ เมนดี้ ก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยทีมเอาไว่ด้วยการเซฟ 4 จาก 5 ครั้งที่ "สุนัขจิ้งจอก" ยิงเข้ากรอบ ถือเป็นการแก้ตัวหลังจากที่พลาดทำให้ทีมเสียประตูในเกมที้แล้วได้เป็นอย่างดี
จากความพยายามทำประตู 7 ครั้งของ เชลซี ในเกมนี้ส่งบอลสู่ก้นตาข่ายได้ 2 หนและชนเสา 2 หน
จัดการกับลูกตั้งเตะ
เชลซี รับมือกับการตั้งเกมของผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นการดวลภาคพื้นดินหรือลูกกลางอากาศ โดยสามารถเข้าสกัดและเคลียร์บอลในภาพรวมมากกว่าถึงสองเท่าในเกมนี้
แน่นอนว่ามันมาจากการยืนตำแหน่งและการวางแผนมาเป็นอย่างดี อย่างที่บอกไปว่าความมีวินัยของทีมในเกมนี้เป็นส่วนสำคัญอย่างที่ทำให้ทีมได้สามคะแนนเต็มมาครอง
หลังจากใบแดงของ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ทีมเสียฟาวล์อีกเพียงแค่ 5 ครั้งเท่านั้น ถือว่าน้อยมากเพื่อเทียบกับการที่ผู้เล่นน้อยกว่าและต้องคอยตัดเกมคู่แข่ง เท่ากับว่าจัดการทีเด็ดจากลูกตั้งแต่ของ เลสเตอร์ ซิตี้ ไปในตัว ส่วนจังหวะเตะมุมทั้ง 11 ครั้งของ เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมเล่นบอลแรกได้ถึง 9 ครั้งเลยทีเดียว
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT