เสียหาย
ถือเป็นผลการแข่งขันที่น่าผิดหวังทีเดียวเมื่อมอถึงผลงานในช่วงที่ผ่านมาตลอดเดือนหฤโหดนี้ที่ชนะมา 6 เกมและเสมอ 2 เกม
นึกว่าจะได้ปิดฉากเดือนตุลาคมแบบไร้พ่ายซะอีก
ออกสตาร์ทไม่ดี
เชลซี เริ่มต้นรูปแบบเดียวกันกับเกมที่บุกชนะ ซัลซ์บวร์ก 2-1 ในบอลยุโรปด้วยการให้ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า เฝ้าเสา กองหลังมี เทรโวห์ ชาโลบาห์, ติอาโก้ ซิลวา และ มาร์ก กูกูเรย่า คุมเกม ในขณะที่วิง-แบ็กทั้งสองฝั่งเป็น คริสเตียน พูลิซิช และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
ตรงกลางทีมถอด จอร์จินโญ่ ออกแล้วเอา รูเบน ลอฟตัส-ชีค ลงมา พร้อมดัน คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ขึ้นไปเล่นเกมรุกกับ เมสัน เมาท์ ที่ลงสนามแทน ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมย็อง โดยให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ยืนหน้าเป้าคนเดียว
เริ่มต้นเกมนี้เป็นทาง ไบรท์ตัน ที่เปิดฉากอย่างมีชีวิตชีวาและน่าได้ประตูขึ้นนำถึงสองครั้งสองครั้งแต่ ติอาโก้ ซิลวา ก็โหม่งเคลียร์จากเส้นได้อย่างยอดเยี่ยม
แต่ว่าสุดท้ายเมื่อถึงนาทีที่ 5 ทีมก็มาสังเวยประตูจนได้และก็เป็น ซิลวา ที่พลาดนำมาสู่ประตูของ เลโอโดร ทรอสซาร์ ซึ่งทำให้เกมของทีมยิ่งช็อตไปเลย กระทั่งมาเสียประตูที่สองอย่างร้ายจากลูกเตะมุมที่บอลมาส่งใส่เข่าซ้ายของ รูเบน ลอฟตัส-ชีค เสียใต้คานประตูเข้าไป
การตามหลัง 0-2 ดูจะทำให้ทีมตื่นตัวขึ้นมาบ้างและน่ายิงประตูคืนได้จากสองจังหวะของ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ทั้งการได้ยิงแบบเน้นๆและลูกโหม่งแต่ว่า โรเบิร์ต ซานเชซ ก็เซฟไว้ได้เยี่ยมทั้งสองจังหวะ รวมถึงลูกยิงของ ไค ฮาแวร์ตซ์ ด้วย
แต่เมื่อเจาะไม่เข้าก็กลายเป็นมาเสียผประตูที่สามเมื่อเกมทางขวาโดนเจาะแบบไม่สมควรจะโดนเมื่อ เปร์วิน เอสตูปินญาน หลุดทะลุมาแบบโล่งก่อนตบเข้ากลาง เทรโวห์ ชาโลบาห์ พุ่งมาสกัดบอลเข้าประตูตัวเองไปอีก
เชลซี ปิดฉากครึ่งแรกด้วยการครองบอลมากกว่าที่ 53 ต่อ 47 เปอร์เซ็นต์ โอกาสทำประตูมากกว่าที่ 9 ต่อ 6 ครั้ง แต่ว่าสกอร์กลับตามหลังไกลสุดกู่ที่ 0-3
การปรับปรุงในครึ่งหลัง
แกรม พ็อตเตอร์ เริ่มต้นด้วยการถอด เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ออกในข่วงพักครึ่งแล้วเอา เอดูอาร์ เมนดี้ ลงเล่นแทน โดยให้สัมภาษณ์หลังเกมว่ามือกาวชาวสเปนมีอาการเจ็บที่ส้นเท้าจึงต้องทำการเปลี่ยนแปลง
ต้องบอกว่าเกมในครึ่งหลัง "สิงห์บลูส์" เริ่มต้นด้วยความมุ่งมั่นและก็มาได้ประตูตีไข่แตกอย่างรวดเร็วเพียง 3 นาที คอเนอร์ กัลลาเกอร์ เปิดบอลจากทางขวามาถึง ไค ฮาแวร์ตซ์ โหม่งเต็มหัวตุงตาข่าย
เกมอยู่ในการครอบครองของ เชลซี แทบจะข้างเดียวโดยเฉพาะเกมเดินเกมบุกที่มีโอกาสทำประตู 11 ครั้ง โดยเป็นการยิงนอกกรอบ 5 ครั้งและในกรอบ 6 ครั้ง
ครึ่งหลังทำให้ ไบรท์ตัน ต้องถอยไปเล่นเกมรับโดยทีมต้องเข้าแท็คเกิ้ลมากขึ้น (18 ต่อ 8) แย่งบอลมากขึ้น (8 ต่อ 5) แต่ เชลซี ยังมีสถิติการดวลลูกกลางอากาศที่เหนือกว่า (10 ต่อ 8)
อย่างไรก็ตามสุดท้าย ปาสกาล โกรสส์ ตามซ้ำลูกยิงของ ฮูลิโอ เอ็นซิโซ่ ที่ติดเซฟ เอดูอาร์ เมนดี้ ปิดท้ายให้เจ้าบ้านเอาชนะไปสบาย 4-1 ยัดเยียดความปราชัยเกมแรกให้กับ แกรม พ็อตเตอร์ ในการคุม เชลซี ด้วย ซึ่งความพ่ายแพ้ในเกมนี้ทำให้ทีมหล่นไปอันดับ 6 มี 21 คะแนนและโดน อาร์เซน่อล ขยับหนีเป็น 10 แต้มด้วย
ผลงานส่วนบุคคล
ไค ฮาแวร์ตซ์ เป็นนักเตะที่ได้โอกาสทำประตูมากที่สุดของทีมในเกมนี้ 4 ครั้ง (เข้ากรอบ 2 ครั้ง) ส่วนคนที่มีโอกาสมากที่สุดในเกมคือ เลอันโร ทรอสซาร์ ของ ไบรท์ตัน ที่มีโอกาส 6 ครั้งและทำ 1 ประตู
มาเตโอ โควาซิช คือนักเตะที่สัมผัสบอลมากที่สุดในเกม 78 ครั้ง และจ่ายบอลมากที่สุด 64 ครั้ง ในขณะที่ ติอาโก้ ซิลวา บล็อคลูกยิง 5 ครั้งและสกัดบอลจากเส้น 2 ครั้ง
ส่วนชัยชนะในเกมนี้ของ ไบรท์ตัน ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 15 เกมที่ทีมเอาชนะ เชลซี ได้สำเร็จในฟุตบอลลีกด้วย
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT