ปราการเหล็กคนใหม่แห่งรั้วสีน้ำเงิน

แข้งวัยเบญจเพส เดินชมบรรยากาศที่อัฒจันทร์ฝั่ง แมทธิว ฮาร์ดิ้ง พร้อมความตื่นเต้นที่จะเริ่มต้นบทใหม่ของเส้นทางอาชีพ โดยที่เกมแรกของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้เปิดด้วยการเจอกับคู่แข่งแย่งพื้นที่หัวตารางอย่าง ลิเวอร์พูล  ในทันที

"มันเป็นสิ่งที่ผมรอคอย" ดิซาซี่ เปิดปาก  "ผมมีความสุขมากๆ ที่ได้มาอยู่ที่นี่ กับที่สโมสรใหญ่แห่งนี้ ผมภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่ยิ่งใหญ่นี้ และหวังว่าจะได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้สำเร็จร่วมกับสโมสร เพื่อคว้าแชมป์ ผมจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เหล่านั้น ผมมีความทะเยอทะยานอย่างสูง"

"ผมรอแทบไม่ไหว ที่จะได้รับรู้ถึงพลังของแฟนบอล ที่นี่เป็นสนามที่ยอดเยี่ยม หนึ่งในสนามที่สวยงามที่สุด คุณจะได้ใกล้ชิดกับแฟนๆ โดยตรงเลย ผมคิดว่านี่คือมาตรฐานของสนามฟุตบอลทั่วไปในอังกฤษ ความคลั่งไคล้ของแฟนบอลในพรีเมียร์ลีก บรรยากาศ ความเข้มข้นของเกม มันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมตื่นเต้น"

ด้วยความเร็วและเรื่องสภาพร่างกายของฟุตบอลอังกฤษคงไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับ ดิซาซี่ ซึ่งเขาก็เชื่อว่าคุณสมบัติที่ตัวเองมีสามารถรับมือได้อย่างแน่นอน

"ผมเป็นกองหลังที่ชอบจดจ้องลูกฟุตบอลและชอบแย่งบอลกลับมา วิธีที่ดีที่สุดในการคาดเดาการเคลื่อนไหวของคู่แข่ง อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"

"ผมชอบเวลามีบอลอยู่กับเท้าเพื่อได้จ่ายบอล ผมชอบการดักสกัด และผมชอบที่จะโชว์ความดุดันใส่คู่แข่ง โดยใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายเข้า"

"สมัยที่ผมยังเด็ก ผมเริ่มด้วยการเป็นตัวรุก พอโตขึ้นผมย้ายมาเล่นกองหลัง ในระหว่างที่ก้าวขึ้นมาเป็นนักบอลอาชีพ ผมเล่นทั้งแบ็กซ้าย แบ็กขวา เป็นเซ็นเตอร์ฝั่งซ้าย หรือเล่นเป็นกองหลังสามคน และยังเล่นเป็นแบ็กขวาให้ทีมชาติในฟุตบอลโลกด้วย"

"ผมชอบเล่นเป็นฟูล-แบ็กเหมือนกันนะ เพราะมันทำให้ผมได้เล่นกับบอลมากขึ้น ผมชอบเล่นเกมรุก และผมสามารถเติมขึ้นไปทำประตูได้"

สามฤดูกาลในฐานะนักเตะของ โมนาโก พิสูจน์ให้เห็นแล้ว และไม่มีเรื่องใดที่น่าตื่นเต้นมากไปกว่าการทำประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บในเกมเยือน ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในศึก ยูโรปา ลีก เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ ดิซาซี่ ประสบความสำเร็จในตำแหน่งจอมปัดกวาดหน้าประตู คือความสม่ำเสมอในการลงสนาม เขาชวดช่วยทีมเพียงแค่เกมเดียวจากอาการบาดเจ็บ แน่นอน สิ่งนี้สะท้อนถึงตัวเขามาตลอดเส้นทางลูกหนังอาชีพ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการดูแลตัวเอง และคำแนะนำที่ได้รับมาจากโค้ชและทีมแพทย์

ส่วนเรื่องนอกสนาม ดิซาซี่ยังได้ให้ความสำคัญกับการให้เวลาตัวเองยามที่ไม่ได้โฟกัสไปกับเรื่องฟุตบอล ด้วยเหตุนี้ ทำให้ช่วง 2-3 ปีก่อนเขาเลือกเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งขึ้นมาเล่น

"ผมเริ่มเล่นเปียโนตอนที่ผมอยู่ที่ แร็งส์, สโมสรก่อนย้ายมา โมนาโก ตอนที่ผมกำลังเจอช่วงเวลาที่ยากลำบาก เรื่องนี้ช่วยผมได้มาก เพราะมันทำให้ผมคิดถึงเรื่องอื่น"

"ผมชอบเสียงดนตรี มันสงบและผ่อนคลาย ผมสอนตัวเองทีละเล็กละน้อย ผมหยิบเปียโนตัวเล็กมาเล่น และเริ่มเรียนผ่านยูทูบ แม้จะมีบางช่วงที่ผมไม่ได้ฝึกไปบ้าง แต่ผมก็ได้เรียนรู้บางส่วนและนั่นทำให้ผมคิดถึงเรื่องอื่นได้บ้าง"

"ผมรู้ว่าบางครั้งการตัดเรื่องฟุตบอลก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดในสนาม ผมรู้ว่าเราต้องแยกมันออกจากกัน แต่ผมก็เป็นคนที่แฮปปี้มากๆ ในสนามและได้ลงเล่นร่วมกับผู้เล่นคนอื่นๆ"

"ผมอยากนำพลังบวกมาสู่ทีมนี้ เพื่อความสุข เพื่อเสียงหัวเราะกับเพื่อนร่วมทีม ผมชอบเรื่องสนุก เรื่องตลก มันสำคัญเพราะเมื่อนักเตะอายุน้อยๆ ได้อยู่ด้วยกัน หัวเราะด้วยกัน เป็นอะไรที่ผมชอบมาก"

ดิซาซี่ คุ้นเคยกับเพื่อนร่วมทีมเชลซีหลายคนอยู่แล้ว เขาเคยร่วมงานกับเพื่อนใหม่หน้าเก่าหลายคนอย่าง เบอนัวต์ บาเดียชิลล์ และ เวสเล่ย์ โฟฟาน่า ในการเดินทางมาสู่ค็อบแฮมครั้งแรก เขาได้คุยโทรศัพท์กับ คริสโตเฟอร์ เอ็นกุนกู มาก่อน เช่นเดียวกับการเคยเผชิญหน้ากับ มาโล่ กุสโต้ และ ติอาโก้ ซิลวา ใน ลีก เอิง รวมถึง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ โค้ชคนใหม่ด้วย

"ช่วยช่วยได้เยอะเลยในการปรับตัวเมื่อคุณรู้จักคนเหล่านี้อยู่แล้ว, คริสโตเฟอร์ ก็เพิ่งย้ายมาเช่นกัน, เบอนัวต์ และ เวสเล่ย์ อยู่ที่นี่มาพักหนึ่งแล้ว, มาโล่ ยังใหม่อยู่ ตอนนี้พวกเราคือทีมเดียวกัน"

ดิซาซี่ รู้ดีว่า เชลซี มีความเชื่อมโยงกับนักเตะชาว ฝรั่งเศส มานานแล้ว ซึ่งเขาก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยถึงอดีตแข้งตราไก่ของสโมสร

"นี่เป็นสโมสรที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับนักเตะฝรั่งเศส เพราะพวกเขาทำผลงานได้ดีกับทีมนี้ - ทั้ง เลอเบิฟ, เดอไซญี่, อเนลก้า, ก็องเต้, ชิรูด์... และสีน้ำเงินสโมสรก็เหมือนสีน้ำเงินของทีมชาติด้วย! มันเยี่ยมไปเลย"

"เชลซีเป็นสโมสรที่คุ้นเคยสำหรับคน ฝรั่งเศส และผมหวังว่าผู้เล่นชาว ฝรั่งเศส ทุกคนที่นี่จะเป็นสุดยอดนักเตะได้"

แล้วความทรงจำอื่นๆ เกี่ยวกับ เชลซี ในช่วงที่เติบโตขึ้นมาล่ะ?

"เรื่องที่อยู่ในใจผมเสมอมายามที่ผมนึกถึงเกมการแข่งขันของ เชลซี คือนัดชิงชนะเลิศที่เจอกับ บาเยิร์น, ที่ ดร็อกบา โหม่งประตูสุดมหัศจรรย์ในตอนท้าย ตอนนั้นผมอายุ 14 ปี และมันประทับใจผมมาก"

"ผมสนุกกับการได้ดู อาซาร์, ดร็อกบา, แลมพาร์ด และผมชอบ ดาวิด ลุยซ์ มากๆ! เขาบ้ามาก เขาสนุกเวลาได้เห็นในสนาม แล้วก็สามารถยิงได้จากทุกที่ ผมเองชอบทำแบบนั้นอยู่เหมือนกัน! อีกคนก็คือ เชส ฟาเบรกัส - ผมลงเล่นกับเขาอยู่ 2 ปีที่โมนาโก เขาสุดยอดมาก ทุกคนคือนักเตะที่โดดเด่น’

ตอนนี้การทำงานเริ่มต้นขึ้นแล้วสำหรับ ดิซาซี่ ด้วยกความชัดเจนและความมั่นใจที่เขาแสดงออกมา เขาไม่มีอะไรต้องกลัวในการตั้งเป้าหมายสร้างความสำเร็จเหมือนเหล่าแข้งผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยลงสนามในสีเสื้อน้ำเงินครามตัวนี้