รายงานระบุว่าดาวยิงทีมชาตินอร์เวย์ จะได้รับเงินมากถึง 260 ล้านปอนด์ตลอดสัญญา เฉลี่ยออกมาอยู่ที่ 500,000 ปอนด์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้รับอยู่ 375,000 ปอนด์
นั่นทำให้ ฮาแลนด์ กลายเป็นผู้เล่นที่รับค่าเหนื่อยสูงที่สุดของ พรีเมียร์ลีก ในทันที ซึ่งก็ต้องบอกว่าเป็น "คุณค่าที่คู่ควร" จากผลงานทะลวงตาข่ายเป้นว่าเล่นให้กับ "เรือใบ" ตลอด 2 ปีครึ่งที่ผ่านมานับตั้งแต่มาร่วมทีม
จนถึงตอนนี้ ฮาแลนด์ ลงสนามให้ทีมไปแล้ว 127 เกม ยิงไปถึง 112 ประตู ซึ่งหากนับเฉพาะใน พรีเมียร์ลีก กดไปแล้ว 80 ลูกจาก 88 เกมเท่านั้น
บอกได้เลยว่าหากเจ้าตัวยังสามารถรักษามาตรฐานแบบนี้เอาไว้ได้เจ้าตัวคงยิงแซงหน้าสถิติสูงสุดของ อลัน เชียเรอร์ ที่ทำไว้ 260 ประตู และอยู่มาตั้งแต่ปี 2006 ไปได้อย่างแน่นอน
ย้อนกลับไปที่เรื่องตัวเลขค่าเหนื่อย แต่นอนว่ามันเป็นตัวเลขที่สูงมากๆ แต่ว่าเขาอยู่ไกลถึงอันดับที่ 9 เท่านั้นของบรรดาพ่อค้าแข้งที่รับค่าจ้างมากที่สุดในโลก
เริ่มกันที่อันดับ 10 เป็น แฮร์รี่ เคน กองหน้าจาก บาเยิร์น มิวนิค ที่รับอยู่ถึง 404,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ทำให้เขาเป็นนักเตะชาวอังกฤษ ที่ได้ค่าเหนื่อยมากที่สุดในเวลานี้
แต่ผลงานนับตั้งแต่มาร่วมทีมเมื่อซัมเมอร์ 2023 ที่ซัดไปแล้วถึง 66 ประตูกับ 22 แอสซิสต์จากการลงสนามแค่ 68 นัด เรียกได้ว่าคุ้มแสนคุ้ม เหลือแค่พาทีมได้แชมป์อย้างเป็นทางการเท่านั้น
อันดับที่ 9 ก็คือ ฮาแลนด์ ที่ได้ไป 500,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ ส่วนที่ 8 ซึ่งถือเป็นอันดับร่วมกับ ฮาแลนด์ ก็คือ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ สตาร์จาก เรอัล มาดริด ที่รับอยู่ในตัวเลขที่เท่ากัน
ส่วนหนึ่งที่ตัวรุกทีมชาติฝรั่งเศส ได้ค่าเหนื่อยสูงมาจากการมาอยู่กับ "ราชันชุดขาว" แบบไม่มีค่าตัว ซึ่งอันที่จริงแล้วเจ้าตัวได้ค่าเหนื่อยมากกว่านี้อีกสมัยอยู่แล้ว ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่ 980,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์เลย แต่ว่าได้ค่าเซ็นสัญญากินเปล่าเข้ากระเป๋าไปนิ่ม 106.5 ล้านปอนด์นั่นเอง
มาถึงอันดับที่ 7 เป็นของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่รับไป 538,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ หลังย้ยจาก บาเยิร์น มิวนิค มาค้าแข้งในถิ่น คัมป์ นู ด้วยค่าตัว 42.5 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2022
อันที่จริงทาง "เจ้าบุญทุ่ม" เองก็มีปัญหาทางการเงินอยู่เหมือนกัน แต่ก็ต้องกัดฟันจ่ายเพื่อบริการของดาวยิงทีมชาติโปแลนด์ ทว่าผลงาน 85 ประตูกับ 20 แอสซิสต์จาก 123 เกมจนถึงตอนนี้ก็ถือว่าไม่เลวเลย
ที่ 6 ก็คือ กาลิดู กูลิบาลี่ ที่จากความลำบากที่ เชลซี มาเป็นเศรษฐีที่ ซาอุดิอาระเบีย กับ อัล-ฮิลาล เมื่อปี 2023 รับค่าเหนื่อยไปเบาๆ ที่ 577,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์
ด้วยตัวเลขดังกล่สวทำให้เขาคือกองหลังที่ได้ค่าเหนื่อยมากที่สุดในโลกเวลานี้ และปีแรกก็กวาดแชมป์กับทีมทุกราบการไปเลบทั้ง ซาอุดิ โปรลีก, คิงส์ คัพ และ ซูเปอร์ คัพ ควบปี 2023 และ 2024 ไปเลย
อันดับที่ 5 เป็น ซาดิโอ มาเน่ อดีตกองหน้าของ ลิเวอร์พูล ที่ออกจากทีมไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค ก่อนเมื่อฤดูกาล 2022/23 ก่อนไปร่วมทีม อัล นาสเซอร์ ปีซัมเมอร์ 2023 พร้อมค่าเหนื่อย 673,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ กับสัญญาถึงปี 2027
แต่เห็นการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายพร้อมกับนำเงินที่ได้ไปช่วยเหลือบ้านเกิดเสมอต้องบอกว่าน่าชื่นชมจริง
ริยาดห์ มาห์เรซ อดีตสตาร์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่อำลา ถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม หลังปี 2022/23 ที่ประสบความสำเร็จได้ "ทริปเปิ้ลแชมป์" ทั้ง พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยย้ายไปเล่นกับ อัล-อาห์ลี ที่ราคา 30 ล้านปอนด์
แต่นั่นเทียบไม่ได้เลยกับตัวเลขค่าเหนื่อย 865,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ที่เจ้าตัวรับอยู่ ทำให้ปัจจุบัน มาห์เรซ คือผู้ที่ได้ค่าเหนื่อยสูงที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก
มาถึง "ท็อป 3" ของตารางกันแล้ว โดยอันดับที่ 3 เป็นของ คาริม เบนเซม่า กองหน้าตัวเก๋าวัย 37 ปี รับยค่าเหนื่อยทะลุ "1 ล้านปอนด์" ต่อสัปดาห์ โดยรับอยู่ที่ 1.6 ล้านปอนด์ต่อสัปดาห์กับ อัล อิตติฮัด ทีมดังแห่ง ซาอุดิอาระเบีย
ผลงาน 29 ประตูจาก 47 เกมที่ทำให้สโมสรก็ถือว่ายังน่าพอใจ แม้จะไม่ได้สูงมากแบบที่แฟนบอลคาดหวังก็ตาม
อันดับที่ 2 ก็คือ เนย์มาร์ กองหน้าชาวบราซิล ที่รับอยู่ถึง 1.7 ล้านปอนด์ต่อสัปดาห์ ตอนที่ย้ายมาอยู่ อัล ฮิลาล เมื่อปี 2023 แต่ยังไม่ทันไรเจ้าตัวก็บาดเจ็บหนักจากการรับใช้ชาติในเดือนตุลาคม และพักนานกว่า 1 ปี และเพิ่งกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง
ปัจจุบัน เนย์มาร์ เพิ่งลงเล่นให้ อัล ฮิลาล ไปแค่ 7 เกม เท่านั้น ล่าสุดถูกถอดชื่อจากการแข่งขันฟุตบอลลีกในช่วงครึ่งซีซั่นหลัง แม้ว่าจะลงเล่นในบอลทวีปอย่าง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ และมีข่าวว่าจะโดนปล่อยออกจากทีมหลังจบฤดูกาลนี้ด้วย
อันดับที่ 1 ก็คือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่มีรายงานว่าเจ้าตัวได้รับค่าจ้างถึงปีละ 173 ล้านปอนด์ เฉลี่ยเป็นรายสัปดาห์สูงถึง 3.3 ล้านปอนด์ มากกว่าอันดับที่ 2 อย่าง เนย์มาร์ ถึงเกือบเท่าตัว
แม้ว่าผลงายส่วนตัวจะน่าพอใจกับการทำ 75 ประตูบวก 18 แอสซิสต์จาก 85 เกมจนถึงตอนนี้ แต่ความสำเร็จมีเพียงแค่ในรายการ อาหรับ คลับ แชมเปี้ยนชิพ เท่านั้น ส่วนถ้วยสุดปรารถนาอย่าง ซาอุดิ โปรลีก ปัจจุบันรั้งอันดับ 4 ตามหลัง อัล ฮิลาล จ่าฝูงไกล 11 คะแนน ส่วนใน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ยังต้องลุ้นกันอีกยาว
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT
