แชมป์พรีเมียร์ลีกหนแรกสิงห์กับ คูดิชินี่

    และการมาของ โรมัน อบราโมวิช ได้เปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปตลอดกาล ไม่ใช่แค่กับ "สิงห์บลูส์" เท่านั้น แต่มันรวมถึง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วย

    คาร์โล คูดิชินี่ อยู่กับทีมมาตั้งแต่ยุค "มิลเลี่ยนแนร์" จนเข้าสู่ยุครุ่งเรื่องหลังการมาของ "เสี่ยหมี" และคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลี เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร และเป็นแชมป์ลีกหนแรกในรอบ 50 ปี

    มือกาวชาวอิตาลี สร้างให้กับตัวเองในรั้ว สแตมฟอร์ด บริดจ์ แม้การมาของ ปีเตอร์ เช็ก ในปี 2004 จะทำให้โอกาสลงเล่นน้อยลงไปบ้าง แต่ก็ยังถือเป็นคนสำคัญของสโมสร

    ในวาระที่สโมสรก้อตั้งครบ 120 ปี และกำลังจะมีเกม "ตำนาน" เจอกับ ลิเวอร์พูล ในวันที่ 22 มีนาคม วันนี้จะไปย้อนความหลังกับผู้รักษาประตูรายนี้กัน

กับการมาของ โชเซ่ มูรินโญ่ ในปี 2004 คุณคิดยังไงเมื่อ โชเซ่ มาคุมทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการแถลงข่าวครั้งแรกอันโด่งดัง?

    เขาเป็นคนที่มีความมั่นใจอย่างมาก โดยส่วนตัวแล้วผมเรียนรู้มาโดยตลอดว่าการตัดสินคนอื่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายจนกว่าคุณจะได้รู้จักคนคนนั้นแบบเห็นหน้าค่าตากันก่อน

    เขาสร้างผลกระทบอย่างมหาศาลให้กับทีมตั้งแต่วันแรกที่มาถึง เค้าพยายามปลูกฝังทัศนคติแห่งชัยชนะในทันที ด้วยความเย่อหยิ่ง - ในทางที่ดีนะ - มันคือความเย่อหยิ่งต่อคู่แข่ง และตระหนักว่าเราแข็งแกร่งมากแค่ไหน

    นั่นคือส่วนที่สำคัญที่สุดแต่ยังรวมถึงวิธีการเตรียมพร้อมของเขาด้วยเช่นกัน การซ้อมของเขาแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับ เคลาดิโอ รานิเอรี่ การเตรียมตัวสำหรับเกมด้วยแผ่นสไลด์ การประชุมก่อนเกม ทุกอย่างล้วนเป็นอะไรที่แปลกใหม่

    จากช่วง ปรี-ซีซั่น ที่ แอลเอ คุณคงเห็นแล้วว่ามันมีอยู่ทางเดียวซึ่งมันคือทางแห่งชัยชนะ ไม่ต้องสงสัยเลย

นักเตะในทีมรู้สึกสนุกกับการเล่นภายใต้การคุมทีมของ มูรินโญ่ ไหม?

    ใช่ ไม่มีการวิ่งในระยะไกล มันเป็นการเตรียมตัวที่แตกต่างออกไปในช่วง ปรี-ซีซั่น มีเกมและการซ้อมมากมายซึ่งผมมั่นใจว่าในฐานะนักเตะคุณจะสนุกกับมันมากกว่าอย่างอื่น และในฐานะผู้รักษาประตูมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนักในแง่ของการซ้อม แต่กับผู้เล่นเอาท์ฟิลด์ มันมีความแตกต่างอย่างมาก

ความต่างหลักที่ มูรินโญ่ ทำหลังจากการมาถึงคืออะไร?

    การเปลี่ยนแปลงในเรื่องของความคิด  แนวทางการซ้อมก็แตกต่างกัน ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับการเล่นบอลเสมอ ในการประชุม แม้แต่กราฟฟิกที่เขาแสดงในระหว่างประชุมทีมล้วนเป็นสิ่งใหม่และเป็นที่ชื่นชอบของนักเตะในทีม

    หลังจากนั้นคุณต้องได้ผลการแข่งขันด้วยและเราก็ทำมันได้ในทันทีซึ่งมันช่วยได้มากในแง่ของความมั่นใจของทีมและความไว้วางใจจากตัวผู้จัดการทีม

ปีเตอร์ เช็ก ย้ายมาร่วมทีมในซัมเมอร์ 2004 คุณรู้สึกยังไงบ้างในฐานะผู้รักษาประตูมือหนึ่ง แต่สโมสรกลับเซ็นสัญญาผู้รักษาประตูฝีมือดีอีกคนเข้ามา?

    การที่สโมสรดึงผู้รักษาประตูอีกคนเข้ามาถือเป็นการแข่งขัน ไม่ใช่ว่าผมต่อต้านหรือกลัวแต่ผมมีช่วง ปรี-ซีซั่น ที่ยากลำบากมาก มีช่วงห่างระหว่างปลายฤดูกาลก่อนกลับช่วงเริ่มต้นฤดูกาลใหม่นานมากเพราะการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ดังนั้นเรามีเวลาพักเรา 6 สัปดาห์ จากนั้นผมมีปัญหาร่างกายในช่วง ปรี-ซีซั่น และเมื่อเกมมาถึงผู้จัดการทีมก็เลือก ปีเตอร์

    ผมไม่ใช่คนที่มีความสุขที่สุดในโลกซึ่งคุณก็คงนึกภาพออก แต่ผมเป็นผู้เล่นของทีมมาโดยตลอดและผมพยายามที่จะแสดงความไม่พอใจและความผิดหวังในสนามด้วยการซ้อมให้หนักในทุกวันและพยายามทำให้โค้ชเจอกับงานยากในการตัดสินใจเลือกผู้เล่นลงสนาม

    แต่ ปีเตอร์ มีฤดูกาลที่น่าเหลือเชื่อ ทีมเสียประตูราว 15 ลูกและมีสถิติการเก็บคลีนชีสใน พรีเมียร์ลีก ดังนั้นผมจึงทำได้ไม่มากนัก

    ผู้จัดการทีมเชื่อใจผม เขาให้โอกาสผมลงเล่นใน เอฟเอ คัพ หรือเกมทำนองนั้น มันไม่ใช่ฤดูกาลที่โชคดีที่สุดสำหรับผมเพราะแม้แต่ตอนที่ลงเล่นเจอ นิวคาสเซิ่ล ผมโดนไล่ออกซึ่งมันเป็นเกมก่อนรอบชิงชนะเลิศในรายการ ลีก คัพ ซึ่งมันเป็นเกมที่ผมควรได้ลงเล่น

    แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามมันเป็นฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในฐานะที่และมันก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับ ปีเตอร์ เช็ก เป็นยังไงบ้าง? พวกคุณเข้ากันได้ดีไหม?

    ในตอนแรกเราไม่ได้รู้จักกันมาก่อนแต่ผมอยู่ในวงการมานานมากพอที่จะรู้ว่าผู้รักษาประตูทำงานร่วมกันและเป็นสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันอย่างสูง ซึ่งผู้จัดการทีมเองก็อยากให้เป็นแบบนั้น ผมช่วยผลักดัน ปีเตอร์ อย่างหนักและในลักษณะที่อาจช่วยผลักดันให้เขาทำอย่างเต็มที่และทำผลงานให้ดีที่สุดเพื่อทีมด้วย

    ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเรารู้จักกันดีมากขึ้น เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากๆ และยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันจนถึงทุกวันนี้ เราเข้ากันได้ดีจริงๆ

ช่วงต้นฤดูกาลเป็นยังไงบ้าง? คุณบอกได้ไหมว่ามีการสร้างโมเมนตัมขึ้นมา?

    ไม่ต้องสงสัยเลย ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ผลงานที่ดีเมื่อคุณมีผู้จัดการทีมคนใหม่ ด้วยแนวแนวคิดใหม่ และความมุ่งมั่นในการเก็บชัยชนะให้ได้ก็แข็งแกร่งอย่างมาก เราเริ่มต้นได้ดีและรักษามวยท่านนั้นไว้พร้อมกับสร้างโมเมนตัมที่ดีในช่วงคริสต์มาส และหลังจากนั้นคุณก็เริ่มเชื่อว่ามันจะเป็นยังไง

    อย่าลืมว่าปีก่อนหน้าเราจบอันดับที่สอง และในฤดูกาลก่อนหน้านั้นเราจบอันดับที่สี่ เราเกือบจะได้แชมป์แต่ยังไม่ใกล้เคียงพอที่จะเป็นแชมป์ ดังนั้นเราจึงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะไปถึงเส้นชัยให้ได้

    ในฤดูกาลนั้นด้วยโมเมนตัมดังกล่าวและผลงานในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังเรารู้ว่าเราจะชนะได้ทุกเกมและมันส่งผลต่อทุกนัดที่ลงสนาม

    หลังผ่านคริสต์มาสทีมทำผลงานได้ดีมากและมีความมั่นใจอย่างสูง เราแทบจะหยุดไม่อยู่แล้ว

คุณบอกว่าบางทีนี่อาจจะไม่ใช่ฤดูกาลที่ดีที่สุดในสนามสำหรับคุณ แต่มันเป็นฤดูกาลที่พิเศษหรือเปล่า?

    ผมคว้าแชมป์กับ เอซี มิลาน แต่ด้วยความสำคัญของการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก หนแรกของ เชลซี มันจึงเป็นความสำเร็จที่น่าเหลือเชื่อกับการรอคอยมา 50 ปี มีคนทำงานให้กับสโมสรมานานมากและได้ฉลองความสำเร็จนั้นซึ่งนั่นก็เพื่อพวกเขามากกว่า

    มีคนจำนวนมากที่ทำงานกับสโมสรมาอย่างยาวนาน และการได้เห็นพวกเขาสนุกหลังจากทีมคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ พวกเขาซาบซึ้งใจอย่างไม่ต้องสงสัยเลยซึ่งมันเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่สำหรับทีม

ความสำเร็จนี้อยู่ในระดับไหนในแง่ของความสำเร็จในอาชีพของคุณ ?

    แน่นอนว่ามันอยู่ในอันดับที่สูงมากแม้ว่าผมจะไม่ได้ลงสนามมากเท่าที่ต้องการแต่คุณก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของทีม และผู้เล่นทุกคนก็ช่วยผลักดันซึ่งกันและกันในทุกวันของการฝึกซ้อม สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เล่นในห้องแต่งตัวก่อนเกมการแข่งขันและหลังการแข่งขัน ที่บางทีอาจจะไม่เป็นไปตามที่คุณคาดหวัง

    การนำแชมป์กลับมาสู่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ หลังรอมานาน 50 ปีเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ผมภูมิใจมากที่สุดในชีวิต

ทีมชุดปี 2004/05 มีความพิเศษมากแค่ไหน? คุณเคยเล่นให้กับหลายสโมสรที่ยอดเยี่ยม ทีมนี้อยู่ในอันดับไหน?

    คงจะไม่ยุติธรรมเลยที่จะบอกว่าทีมหนึ่งดีกว่าอีกทีมหนึ่ง แต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่พิเศษ แนวรับของทีมที่มี ปีเตอร์, เจที, แฟร้งค์ และ ดิดิเยร์ มีผู้เล่นที่น่าเหลือเชื่ออยู่อีกเช่นกัน เจนเนอเรชั่นนั้นและทีมที่เล่นติดต่อกันเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มากซึ่งพิสูจน์ได้แล้วว่านี่เป็นทีมแชมเปี้ยน