อุปสรรคของ เฮนเดอร์สัน

แข้งวัย 34 ปี หลุดจากทัพ "สิงโตคำราม" พร้อมกับปัญหาหลังจากถูกวิจารณ์อย่างหนักกับการย้ายไป อัล-เอตติฟัค ใน ซาอุดิอาระเบีย โดยก่อนหน้านี้เจ้าตัวเป็นกระบอกเสียงในการต่อต้านการเหยียดเพศที่ 3 ในวงการฟุตบอล
หลังผ่านช่วงเวลาสั้นๆ ในตะวันออกกลาง อดีตกัปตันทีม ลิเวอร์พูล ย้ายไปอยู่กับ อาแจ็กซ์ และรับปลอกแขนกัปตันทีมอย่างรวดเร็ว แต่ช่วงเวลาใน เนเธอร์แลนด์ ก็ไม่ได้ราบรื่นนัก เมื่อเดือนที่แล้ว เขาโต้เถียงอย่างดุเดือดกับนักข่าวเกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่าเขาปฏิเสธที่จะลงเล่นเพื่อพยายามย้ายไป โมนาโก ในเดือนมกราคม
ชื่อเสียงของ เฮนเดอร์สัน อยู่ในแง่ดีมาตลอด เขาร่วมกับกัปตันคนอื่นๆ รณรงค์ให้บริจาคเงินให้กับ "เอ็นเอชเอส" จนได้เขาก็ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ MBE
"ถ้ามีอะไรในอนาคตที่อาจช่วยเหลือผู้คนได้ ผมมั่นใจว่าเราจะพยายามทำ" เฮนเดอร์สัน กล่าวหลังจากได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้เล่นแห่งปีของสมาคมนักข่าวฟุตบอลในช่วงเวลานั้น โดยไม่รู้เลยว่าในอนาคตเขาจะเข้าสู่เรื่องน่าปวดหัว
ในระหว่างแถลงข่าวครั้งล่าสุดกับ อาแจ็กซ์ มี่กินเวลานาน 15 นาที มค์ เฟอร์ไวจ์ นักข่าวชื่อดังผู้ได้รับการยอมรับในวงการสื่อแห่ง เดอะ เทเลกราฟ ถามเขาอย่างดุเดือดเรื่องการล็อบบี้เรื่องการย้ายไป โมนาโก โดยครั้งหนึ่ง เฮนเดอร์สัน ระบุว่ารายงานของสื่อ เนเธอร์แลนด์ กำลังทำให้ครอบครัวของเขาไม่สบายใจ
เขายืนกรานว่ารายงานของ เฟอร์ไวจ์ นั้น "ไม่เป็นความจริง" แต่กลับเลี่ยงที่จะให้รายละเอียดเมื่อถูกถามให้ระบุส่วนใด "ผมจะไม่ให้รายละเอียดกับคุณ ผมไม่ได้มานั่งตรงนี้เพื่อจะให้รายละเอียดกับคุณ"
เฮนเดอร์สัน มีเหตุผลที่จะปกป้องตัวเอง เกี่ยวกับเรื่องโยง โมนาโก ก็คือ อาแจ็กซ์ ยินดีที่จะขายเขาหลังจากที่มีปัญหาการเงินในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยแหล่งข่าวชาวดัตช์รายหนึ่งเผยว่าสโมสรบอกกับเขาว่า "คุณเป็นนักเตะของเราที่รับค่าเหนื่อยสูงสุด ดังนั้นคุณอยากจะช่วยเราไหม?" แต่พวกเขาก็พยายามปกปิดความจริงข้อนี้
เฮนโด้ ตอบรับการย้ายไป โมนาโก ด้วยระบบภาษีที่น่าดึงดูด แต่ ฟรานเชสโก้ ฟาริโอลี่ เทรนเนอร์ อาแจ็กซ์ ยืนกรานว่ามิดฟิลด์หมายเลข 6 ที่เป็นคนสำคัญของระบบเกมรับของเขาจะต้องไม่ย้ายออกไปในช่วงหน้าหนาวนี้
เฮนเดอร์สัน อาจแย้งว่าเขาเป็นสินค้าสำหรับ อาแจ็กซ์ ที่ไม่ปกป้องเขาจากข้อกล่าวหาที่เขายุยงให้ย้ายออกจากทีม แต่สิ่งที่เขาต้องทำคือต้องทำอะไรสะกอย่าง - พูดว่าเกิดอะไรขึ้น - แต่เขากลับเปลี่ยนการแถลงข่าวครั้งนั้นให้กลายเป็นความผิดพลาด ทำให้ชาวดัตช์มีความคิดเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับเขาในฐานะนักเตะคนหนึ่ง กับเหตุผลที่ว่า อัมสเตอร์ดัม เป็นท่าเรือที่มีประโยชน์มากในช่วงพายุหลังจากการย้ายทีมพร้อมรับทรัพย์มหาศาลที่ ซาอุดิอาระเบีย ล้มเหลว
ราฟาเอล ฟาน เดอ ฟาร์ท ที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นกูรูฟุตบอลเรียก เฮนเดอร์สัน ว่า "ขยะ" ในขณะที่ ซิเอิร์ด มอสซู นักเขียนคอลัมน์ จาก เฮท อัลเดมีน ดักบลาด เขียนถึงอดีตกัปตันทีม ลิเวอร์พูล ว่า "บางคนเป็นของจริงและบางคนเป็นของปลอม แต่ยังมีชั้นพิเศษอีกชั้นหนึ่ง - คนที่แสดงเพื่อประจบสอพลอผู้อื่น พวกเครื่องคิดเลข นักแสดง และคนที่ไม่น่าเชื่อถือ"
ความคิดเห็นบางส่วนอาจไม่ยุติธรรม แต่ เฮนเดอร์สัน ก็ทำให้ตัวเองตกอยู่ในภาวะนี้ด้วย แม้เขาจะรู้สึกตกเป็นเหยื่อ แต่การย้ายไป ซาอุดิอาระเบีย เมื่อปี 2023 ที่กลายเป็นหายนะและเรื่องราวหน้าไหว้หลังหลอก และทั้งชาวดัตช์ก็ยังคงไม่ลืมเช่นเดียวกับชาวอังกฤษ
ความอ่อนน้อมเพียงแค่เล็กน้อยและการให้ความเคารพในสื่อสาธารณะจะช่วยปรับปรุงชื่อเสียงของเขาได้เป็นอย่างดี - เขาไม่ใช่ผู้เล่นคนเดียวที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็น MBE ในยุคโควิด แต่ชะตากรรมของเขาตกต่ำลง อันนี้มันชัดเจน
งานของ มาร์คัส แรชฟอร์ด เกี่ยวกับเรื่องอาการเพื่อช่วยเหลือคนยากจนจนช่วยให้เขาได้รับโครงสร้างและจุดมุ่งหมายในชีวิตที่เขาต้องการ และยังทำให้เขาได้รับอิทธิพลเชิงบวกอีกด้วย
เฮนเดอร์สัน ไม่ได้ล้มเหลวขนาดนั้น การย้ายจาก เนเธอร์แลนด์ และได้เงินเดือนก้อนโตอีกครั้งดูเหมือนจะเกิดขึ้นในช่วงซัมเมอร์นี้ และเขาจะแขวนสตั๊ดในฐานะเศรษฐี
แต่ยังไม่สายเกินไปที่จะตระหนักว่ารางวัล MBE และการได้รับคำชื่นชมมากมายไม่สามารถทำให้คุณพ้นจากการจับจ้องและตั้งคำถามใดๆ ที่มาพร้อมกับเงินค่าเหนื่อยนและโปรไฟล์อันมหาศาลของวงการฟุตบอลได้
ผ่านมาห้าปีแล้วนับตั้งแต่เรื่องทั้งหมดนั้น รู้สึกเหมือนผ่านมานานชั่วชีวิต
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT