:::     :::

คุยกับ ไรอัน เบอร์ทรานด์ ก่อนเกมตำนาน

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ไรอัน เบอร์ทรานด์ เตรียมเป็นหนึ่งในขุนพลของ "ตำนาน เชลซี" ที่จะลงแข่งขันกับ "ตำนาน ลิเวอร์พูล" ในเกมการกุศุลที่ แอนฟิลด์ ในวันที่ 22 มีนาคม นี้ ร่วมกับอดีตแข้งอาทิเช่น จานฟรังโก้ โซล่า, แกรี่ เคฮิลล์, รามีเรส และ คาร์โล คูดิชินี่

    ชื่อชั้นของอดีตแข้งวัย 35 ปี อาจจะไม่ได้มีอะไรให้น่าจดจำสำหรับแฟนบอลเท่าไร แม้ว่าเขาจะอยู่กับทีมมาอย่างยาวนานถึง 10 ปี แต่ช่วงเวลากับสโมสรเขาโดนปล่อยให้หลายทีมทีมยืมตัวทั้ง บอร์นมัธ, โอลด์แฮม, นอริช ซิตี้, เร้ดดิ้ง, น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์, แอสตัน วิลล่า และ เซาธ์แฮมป์ตัน ก่อนจะย้ายไปเล่นกับ "นักบุญ" ถาวร และไปแขวนสตั๊ดกับ เลสเตอร์ ซิตี้

    หลายคนอาจจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเขาคือหนึ่งในขุนพลชุดแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หนแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ที่เอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ได้เมื่อปี 2012

    ที่สำคัญคือเขาเป็นตัวจริงในเกมชิงชนะเลิศที่ อัลลิอันซ์ อารีน่า ในค่ำคืนนั้นด้วย!

    ไม่ถึง 24 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าจะได้มีส่วนร่วมในรอบชิงชนะเลิศกับ "เสือใต้" อย่าว่าแต่การได้ออกสตาร์ทเป็น 11 คนแรก และเขียนชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ของสโมสรในวันนั้น


    ที่จริงแล้วตลอดทั้งฤดูกาล 2011/12 ไรอัน เบอร์ทรานด์ ไม่เคยได้ลงเล่นในเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้กับสโมสรเลย ไม่แม้กระทั่งมีชื่ออยู่บ้นม้านั่งสำรองด้วยซ้ำตั้งแต่ อันเดร วิลลาช-โบอาช ยังคุมทีม กระทั่งโดนปลดในเดือนมีนาคม และ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ เข้ามารับตำแห่นงแทน

    ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องน่าแปลกใจอย่างมากเมื่อนายใหญ่ชาวอิตาเลี่ยน แจ้งกับเขาว่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมที่ มิวนิค ไม่กี่ชั่วโมงก่อนเกมการแข่งขัน    

    "เราได้มีการวิดีโอคอลสั้นๆ เพื่อคุยกับครอบครัวถึงผู้เล่นทุกคน" เบอร์ทรานด์ เล่าความหลัง "ร็อบบี้ ถามเกี่ยวกับครอบครัวของผม และจากนั้นเขาก็บอกว่าผมจะได้ออกสตาร์ทในคืนนี้ เขาให้ผมลงเล่นบางเกม และผมหวังว่าผมจะชนะใจเขาได้ เพื่อที่ผมจะได้ลงเล่นต่อ"

    "แม่และน้องชายของฉันกล่าวคำอวยพรและขอให้โชคดีให้กับทั้งทีม มีเสียงหัวเราะกันมากมาย และนั่นทำให้พวกเราทุกคนมีกำลังใจขึ้นมากเลยทีเดียว"

    "มันรู้สึกราวกับว่านี่คือช่วงเวลาที่ผมรอคอยมาตลอดชีวิต และยิ่งใกล้ที่จะลงสนามมันก็แบบว่า 'อย่าทำให้ใครผิดหวัง และอย่าลืมว่าเราต้องชนะเท่านั้น!'"


    "ผมทุ่มเทสุดความสามารถและมองมันเป็นเกมอีกเกมหนึ่ง แต่ภาพต่างๆ เหล่านี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวเกี่ยวกับว่าผมมาจากไหนและความคิดที่จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ผมถูกยืมตัวมาหลายครั้งแล้วและถูกสอนให้เล่นเกมแบบนี้มาหลายปีแล้ว ไม่ใช่แค่เล่นไปเท่านั้นเอง”

    "ผมเคยเล่นกับพี่ชายที่ เบอร์มอนด์ซีย์ โดยเล่น 'ฟุตบอลโลก' โดยแต่ละคนต้องเล่นกับตัวเองล่างแฟลต มีกำแพงที่ติดป้าย 'ห้ามเล่นบอล' ผมนึกถึงการเดินทางของตัวเองตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงค่ำคืนที่ มิวนิต เสมอ"

    เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับเด็กจากอะคาเดมีวัย 22 ปี ที่หลังจากถูกปล่อยยืมไปเล่นใน แชมเปี้ยนชิพ หลายครั้ง ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดใหญ่ของ เชลซี ในปี 2011/12 ในฐานะตัวสำรองของ แอชลีย์ โคล

    การได้ลงเล่นในเกมชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก ถือเป็นหนึ่งในจังหวะชีวิตของ ไรอัน เบอร์ทรานด์ เหมือนกัน เพราะอันที่จริงแล้วเต็มที่เขาควรจะนั่งอยู่ที่ม้านั่งข้างสนามเท่านั้น แต่ ฟลอร็องต์ มาลูด้า ไม่ได้อยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุด ซึ่งนอกจากเกมรุกแล้วทีมต้องรับมือกับ ฟิลิปป์ ลาห์ม และ อาร์เยน ร็อบเบน อันร้อนแรง ฉะนั้นแล้วความฟิตถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก


    การที่ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ตัดสินใจใช้ ไรอัน เบอร์ทรานด์ ที่ขาดประสบการณ์ในเกมระดับนี้ถือเป็นการแสดงความเชื่อมั่นอย่างแท้จริง

    เบอร์ทรานด์ เล่าต่อว่า "ร็อบบี้ เป็นคนสำคัญมากสำหรับผม ไม่มีคำพูดใดสามารถอธิบายได้ การที่เขาแสดงความเชื่อมั่นในตัวผมอย่างแท้จริงทำให้ผมมีความมั่นใจ การรู้ว่าผู้จัดการไว้วางใจคุณหมายความว่าคุณสามารถลงสนามและแสดงออกถึงตัวตนของตัวเองได้"

    "ผู้จัดการทีม พร้อมด้วย (ผู้ช่วยผู้จัดการทีม) สตีฟ ฮอลแลนด์ และเ อ็ดดี้ นิวตัน เชื่อมั่นในตัวผมมาก ให้โอกาสผม และผมรู้สึกว่าผลงานของผมก็ตอบแทนพวกเขาด้วยเช่นกัน"

    เบอร์ทรานด์ ทำหน้าที่ได้อย่างน่าชื่นชมที่ มิวนิค สามารถยืนระยะต่อกรกับยอดทีมอย่าง บาเยิร์น นาน 73 นาที ก่อนถูกเเปลี่ยนตัวให้ มาลูด้า ลงเล่นขณะที่สกอร์ยังคงเสมอกันอยู่ 0-0

    แน่นอนว่าทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น บาเยิร์น มิวนิค ขึ้นนำจาก โธมัส มุลเลอร์ นาทีที่ 83 แต่ ดิดิเยร์ ดร็อกบา มาตีเสมอในให้ทีม 5 นาทีหลังจากนั้น ก่อนที่ ปีเตอร์ เช็ก ผู้รักษาประตู และ สตาร์ทีมชาติไอวอรีโคสต์จะกลายมาเป็นฮีโร่ของทีมในการดวลจุดโทษ


    เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับสโมสรกับการคว้าแชมป์ถ้วยใหญ่ของยุโรปมาครองเป็นหนแรก แม้แต่นักเตะมืออาชีพที่มีประสบการณ์มากกว่าอย่าง ดร็อกบา, เช็ก รวมถึงกัปตันทีมในคืนนั้นอย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด ก็ยังรู้สึกตื้นตันใจหลังจากชัยชนะเกมนี้

    และเมื่อทองไปที่ ไรอัน เบอร์ทรานด์ ที่ลงเล่นเป็นครั้งแรกของเขาในแชมเปี้ยนส์ลีก และลงเล่นเป็นตัวจริงให้กับ เชลซี ในทุกรายการแค่ 13 เกมเท่านั้น กับการจบลงด้วยการได้เหรียญแชมป์ที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดถ้วยหนึ่งของวงการฟุตบอลสโมสรมาแขวนอยู่ที่คอของเขา

    "คนส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ในชีวิต ไม่ต้องพูดถึงการได้แชมป์เลย และนั่นก็พิเศษมาก ผมได้รับข้อความมากมายหลังจบเกม และผมแทบรอไม่ไหวที่จะกลับบ้านเพื่อไปพบทุกคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน ข้อความทุกข้อความมีความหมายมาก และผมก็ใส่เหรียญรางวัลบนคออยู่นานเลย"

    เบอร์ทรานด์ ไม่ใช่ผู้เล่นคนเดียวที่เป็นตัวแทนของตำนาน เชลซีที่ ได้เหรียญรางวัลเหล่านี้มาอวดโฉม นอกจาก โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ที่เป็นโค้ชแล้ว เพื่อนร่วมทีมที่ มิวนิค อย่าง มาลูด้า, แกรี่ เคฮิลล์ และ รามีเรส ก็ยืนยันแล้วว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่จะพบกับ "หงส์แดง" และจะมีแข้งเข้ามาเพิ่มเติมอีกแน่นอน


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด