:::     :::

ตกม้าตายตอน (ใกล้) จบ

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม 2561 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
5,433
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เชื่อว่าคงไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า เชลซี ที่กำลังเข้าฝักเก็บชัยชนะมา 5 เกมติดต่อกัน จะไม่สามารถคว้าสามคะแนนได้ในการพบกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่เสียประตูมาสามเกมติดต่อกัน แถมเกมล่าสุดเพิ่งโชว์ความแข็งแกร่งโค่น ลิเวอร์พูล มาได้ ยิ่งเพิ่มพูนกำลังใจอย่างมหาศาลในการไล่ล่าโควต้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกฤดูกาลหน้า
ต่อให้คุณไม่ใช่แฟนสิงห์บลูส์ก็เถอะ อย่างน้อยก็ควรคว้าชัยให้ได้ในเกมตกค้าง ไม่มีใครคาดคิดว่าทีมผลการแข่งขันของทีมจากฝีมือ อันโตนิโอ คอนเต้ จะพลาดไป
แต่มั่นก็เกิดขึ้นแล้ว แถมเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่ควรจะเกิดด้วยประการทั้งปวง
ก่อนเกมกับความหวังที่จะทำแต้มขึ้นไปทาบ ลิเวอร์พูล เพื่อไปลุ้นกันเต็มๆในนัดสุดท้ายของฤดูกาล ไม่ใช่แค่นั้นยังเป็นการกดดัน สเปอร์ส อีกหนึ่งทีมที่กำลังเบียดแย่งพื้นที่กันอยู่ โดยลึกๆยังมีลุ้นถึงก้าวไปคว้าอันดับ 3 ด้วยซ้ำไป
การเปลี่ยนทีมในเกมกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ถือเป็นอะไรที่น่าสนใจ ในขณะที่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ มีอาการบาดเจ็บที่หลังจนชวดลงสนาม บรรดาแกนหลักอย่าง เอแด็น อาซาร์, โอลิวิเยร์ ชิรูด์, ติเอมูเอ้ บากาโยโก้, วิคเตอร์ โมเสส และ แกรี่ เคฮิลล์ คือนักเตะที่ได้พักจากเกมกับ ลิเวอร์พูล
          
วิลลี่ กาบาเยโร่, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า, วิลเลี่ยน, เปโดร โรดริเกซ และ อัลบาโร่ โมราต้า คือนักเตตะที่ได้ลงเล่นแทน มองคร่าวๆถือว่ามีการเปลี่ยนทีมถึง 5 คนในตำแหน่งของนักเตะเอาท์ฟิลด์ พร้อมกับปรับมาเล่นในระบบ 3-4-3 อย่างที่คุ้นเคย
ถามว่าเยอะรึเปล่า บอกได้เลยว่าเยอะ เหมือนกับว่าเทรนเนอร์ชาวอิตาเลี่ยนจะมั่นใจเกินไปหน่อย 
เข้าใจว่านักเตะกรำศึกหนักมาในช่วงหลัง ประกอบกับการที่คู่แข่งคือทีมหนีตกชั้นอย่าง ฮัดเดอร์สฟิลด์ ที่เป็นทีมที่ยิงประตูน้อยที่สุดในลีก หรือหากนับตามเกมพวกเขายิงไม่ได้ถึง 20 จาก 36 เกมในซีซั่นนี้ ยังไงก็ไม่น่ามีปัญหาในการเก็บสามแต้ม
แต่ทีมเยือนมาด้วยเป้าหมายเดียวคือมีแต้ม ไม่ว่าจะหนึ่งหรือสามเพราะนั่นจะทำให้พวกเขารอดตกชั้นในทันที
ไม่มีปัญหากับการออกสตาร์ทเกม เชลซี เดินหน้าบุกตามระเบียบ ทั้งด้วยการเล่นในบ้าน ศักยภาพที่เหนือกว่า และความมั่นใจเต็มเปี่ยมของนักเตะในทีม
          
ทว่าสิ่งที่หายไปคือประสิทธิภาพในเกมรุกที่เข้าขั้นห่วยชนิดที่แทบไม่ได้ทำให้ โยนาส เลิสเซิ่ล มือกาวคู่แข่งต้องระคายเคืองอะไร
สามประสานในแดนหน้าสำหรับ วิลเลี่ยน เมื่อไม่มี เอแด็น อาซาร์ สิ่งที่สตาร์ชาวบราซิลทำก็คือตะบี้ตะบันเลี้ยงบอลไปข้างหน้าและก็เสียบอลให้คู่แข่ง ครั้งแรก ครั้งที่สอง สาม สี่ ห้า และเกือบทุกครั้งที่ได้บอล
เปโดร โรดริเกซ แทบจะหายหน้าออกจากเกม เห็นวิ่งไปวิ่งมาไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
ส่วน อัลบาโร่ โมราต้า ไม่ต้องพูดถึง บอลแทบไม่ได้ เล่นเหมือนไร้แรงจูงใจ จังหวะไล่บอลทำเหมือนกับว่าไม่อยากวิ่ง 
เฮ้... กลางปีนี้มีฟุตบอลโลกรออยู่นะ ทำอะไรให้มันสมกับที่คู่ควรกับการติดทีมชาติสเปนไปลุยเวิลด์ คัพหน่อย เล่นได้แค่นี้ก็นอนอยู่บ้านเถอะ เหมือนแค่ลงมายืนให้ครบ 11 คน
          
ครึ่งแรกย่ำแย่เกมรุกแทบไม่มีจังหวะให้แฟนๆได้เสียวกันเลย ก็หวังว่าครึ่งหลังมันจะดีขึ้นรึเปล่า การแก้เกมจะดีรึเปล่า นักเตะจะได้รับการกระตุ้นให้มีแรงฮึดขึ้นมารึเปล่า
เข้าครึ่งหลังมาไม่เท่าไรการฉายเดี่ยวของ วิลเลี่ยน ก็ได้เรื่องเมื่อไปเลี้ยงบอลแล้วเสีย (อีกแล้ว) อารอน มอย หวดยาวตูมเดียว โลร็องต์ เดอปัวต์ สปีดเข้าถึงบอลก่อน วิลลี่ กาบาเยโร่ ที่พยายามออกมา อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ที่พยายามวิ่งาช่วยก็ดันไปลื่นก่อนที่กองหน้าทีมเยือนจะมายิงในจังหวะสองเข้าไป
          
อันโตนิโอ คอนเต้ อยู่เฉยไม่ได้แล้วส่ง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ลงเล่นแทน ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า ก่อนที่อึดใจให้หลังจะส่ง เอแด็น อาซาร์ ลงมาแทน เปโดร โรดริเกซ 
สตาร์ชาวเบลเยี่ยมลงมาช่วยให้การจัดสันขึ้นเกมรุกดูมีระบบระเบียบมากขึ้น เชส ฟาเบรกาส ก็มีคนที่คอยเล่นด้วยกระทั่งทีมาได้ประตูแบบมีโชคจังหวะที่ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า เปิดบอลจากทางขวาเรียดเข้าเขตโทษ มาเธียส ยอร์เกนเซ่น 'ซานก้า' เตะสกัดบอลมาเข้าที่หน้าของ มาร์กอส อลอนโซ่ เข้าปะตูไป
          
หลังจากนั้นพายุเกมรุกของ เชลซี โหมกระหน่ำใส่ ฮัดเดอร์สฟิลด์ อย่างหนักแต่จังหวะจะแจ้งแทบไม่มีให้เห็น มีก็แค่จังหวะชุลมุนหน้าประตู เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ขึ้นโหม่งเต้มหัว โยนาส เลิสเซิ่ล พุ่งสุดเอื้อมปัดบอลไปชนเสาก่อนโดนสกัดออกมา
หรือจังหวะยิงเต็มข้อของ อัลบาโร่ โมราต้า ก็ไม่ได้หนีตัว โยนาส เลิสเซิ่ล ที่ทุบออกมาได้
จบมเกมทางฝั่ง ฮัดเดอร์สฟิลด์ ได้ฉลองสุดเหวี่ยงกับการอยู่รอด ที่น่าเจ็บใจก็คือบรรดาแข้งต้องยืนดูอย่างเหงาหงอย เพื่อที่จะรอขอบคุณแฟนบอลที่ตามเชียร์มาตลอดทั้งฤดูกาลเนื่องจากเป้นการเล่นเกมในรังนัดสุดท้าย
          
จากเกมนี้ยิ่งแสดงให้เห็นว่าทีมจะต้องเพิ่มนักเตะในแนวรุกอย่างหนัก โดยเฉพาะในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าที่ต้องยอมรับว่าตัวที่มีอยู่ทั้ง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ และ อัลบาโร่ โมราต้า ไม่ถูกใจแฟนบอลถึงขนาดได้เป็นตัวจริงแน่ๆ
ยิ่งมีการเปิดเผยสถิติ 'สุดห่วย' หลังผ่าน 37 เกม เชลซี มีโอกาสเหน่งๆกับการลุ้นทำประตูเพียง 57 ครั้ง เมื่อเทียบกับทีมแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ทำได้ 93 หนถือว่าน้อยกว่าเกือบครึ่งเลย
และยิ่งเมื่อดูจากสถิติเรื่องเปลี่ยนโอกาสเป็นสกอร์ ถ้าเป็นตารางคะแนนก็ต้องบอกว่าทัพสิงห์บลูส์คงกระเด็นตกชั้นไปแล้ว เพราะเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูได้เพียง 18 หน หรือคิดเป็น 38% เท่านั้น มีแค่ เซาธ์แฮมป์ตัน หรือ คริสตัล พาเลซ เท่านั้นที่ทุเรศกว่า กระทั่งทีมอย่าง สโต๊ค ซิตี้, เวสต์บรอมวิช หรือกระทั่ง สวอนซี ที่จ่อร่วงอยู่ในขณะนี้ยังทำได้ดีกว่า

เกมสุดท้ายกับการวัดกับ ลิเวอร์พูล ที่มีคะแนนนำพวกเขาอยู่สองแต้มต้องบอกว่าต้องพึ่ง 'ปาฏิหารย์' เพียงอย่างเดียวแล้ว เพราะหงส์แดงที่มีประตูได้-เสียดีกว่าถึง 15 ลูก มองตามรูปการณ์แล้วขอแค่เสมอในการเฝ้ารังพบ ไบรท์ตัน ยังไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาหวังคว้าชัยเพื่อแซง สเปอร์ส เพื่อคว้าอันดับสาม
ถึงอย่างนั้นก็ยังดีว่าอย่างน้อยเกมสุดท้ายทีมก็ยังได้สู้อยู่ ขึ้นอยู่กับว่า อันโตนิโอ คอนเต้ จะจริงจังแค่ไหนเมื่อในสัปดาห์ถัดไปมีเกมเอฟเอ คัพรอบชิงชนะเลิศกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รออยู่ ซึ่งนั่นคงเป็นเป้าหมายหลักของทีมไปแล้วในตอนนี้ ซึ่งมองแล้วยังไงกุนซือชาวอิตาลีคงไม่พ้นโดนเชือดจากเก้าอี้แน่นอนแล้วล่ะไม่ว่าทีมจะได้แชมป์รึเปล่า
แฟนสีน้ำเงินถอดใจได้ในลีก แต่ในบอลถ้วยยังอยู่ เก็บความอัดอั้นไว้รอวันที่จะปลดปล่อยมันออกมาอีกครั้งในวันที่ 13 พฤษภาคมละกัน


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด