โอกาสสุดท้ายที่จะแก้ตัวจากความผิดหวังในฤดูกาลนี้ของพลพรรค เชลซี ฝากความหวังไว้กับถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่างเอฟเอ คัพ
จริงอยู่ที่ความผิดหวังจากการอดไปเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกยากที่จะหาอะไรมาทดแทนได้ แต่อย่างถ้วยการมีอะไรติดไม้ติดมือบ้างก็น่าจะบรรเทาได้ไม่มากก็น้อย
ข่าวไม่ดีออกมาก่อนเกมเมื่อมีผู้สื่อข่าวเบลเยี่ยมที่ออกมาเปิดเผยว่าได้มีโอกาสคุยกับ เอแด็น อาซาร์ สตาร์ตัวเก่ง และออกมาแสดงความมั่นใจว่าดาวเตะวัย 27 ปีจะเก็บข้าวของย้ายออกจากทีมโดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่ของสเปน
สุดท้ายจะเป็นยังไงไม่รู้ แต่เกมนี้คงต้องมารวมพลังเพื่อทีมกันก่อนแหละ
เกมนี้ อันโตนิโอ คอนเต้ กลับมาใช้ผู้เล่นตัวหลักเต็มสูบ พร้อมกับแผนการเล่นที่ใช้ในล่วงหลังและเก็บชัยชนะมาต่อเนื่องจนเบียดลุ้นพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ผู้รักษาประตู ติโบต์ กูร์กตัวส์ เฝ้าเสา กองหลัง เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, แกรี่ เคฮิลล์ และ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ แดนกลาง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ประสานงานกับ ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ และ เชส ฟาเบรกาส โดยมี วิคเตอร์ โมเสส และ มาร์กอส อลอนโซ่ ยืนแบ็คขวา-ซ้าย
ส่วนเกมรุก เอแด็น อาซาร์ คอยปั้นเกมให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ เป็นหน้าเป้า
เชลซี เกือบได้ประตูจังหวะที่ตัดบอลได้ เอแด็น อาซาร์ พาบอลลากจี้เข้าใส่ ฟิล โจนส์ เข้าเขตโทษด้านซ้ายก่อนสับไกติดขา ดาบิด เด เคอา
ถือว่าจังหวะนี้ทำได้ทั้ง โจนส์ ที่บีบให้สตาร์ชาวเบลเยี่ยมเล่นด้วยซ้ายซึ่งไม่ถนัด แต่ อาซาร์ ก็ถือว่าทำได้ดีในจังหวะยิงแต่ยังไม่เป็นประตู
เกมอของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครองบอลและขึงเกมรุกได้ดีกว่าชัดเจนในช่วง 15 นาทีของครึ่งแรก แต่การยืนโซนเกมรับของ เชลซี ทำได้ดีทีเดียว
โดยเฉพาะการปิดทางเปิดจากด้านข้างที่ทัพปีศาจแดงสามารถขึ้นบอลได้ทั้งสองฝั่ง ทั้ง วิคเตอร์ โมเสส และ มาร์กอส อลอนโซ่ รวมถึงตัวช่วยอย่างกองกลางทำหน้าที่อย่างยอดเยี่ยม
จุดนึงที่ทำให้งานของกองหลังสิงห์บลส์ไม่ต้องเผชิญกับความกดดันจากลูกกลางอากาศเนื่องจากการไม่มี โรเมลู ลูกากู นั่นเอง
ในขณะที่ตรงกลางมี เอ็นโกโล่ ก็องเต้ คุมอยู่ถือว่าหายห่วง
ทีมสิงโตน้ำเงินที่ใช้จังหวะฉาบฉวยก็มาได้จุดโทษหลังผ่านครึ่งทางของครึ่งแรกจังหวะที่ เชส ฟาเบรกาส จ่ายบอลทะลุช่องให้ เอแด็น อาซาร์ ใช้ความเร็วสปีดหนี ฟิล โจนส์ ก่อนที่เซนเตอร์ทีมชาติอังกฤษจะตามมาเสียบร่วงในกรอบ ผู้ตัดสิน ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ไม่ลังเลที่จะชี้ทันทีก่อนที่ อาซาร์ ลุกขึ้นมาสังหารเองไม่พลาดให้ทีมนำ 1-0
ลูกนี้ต้องชมทั้งการจ่ายบอลอันเฉียบขาดของ เชส ฟาเบรกาส และความฉลาดของ เอแด็น อาซาร์ ที่อ่านจังหวะของคู่แข่งชิงความได้เปรียบ แถมยังมีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา
และสไตล์เดิมๆก็กลับมาอีกครั้ง เน้นเกมรับเหนียวแน่นปล่อยให้คู่แข่งบุกเข้าใส่ อาศัยการจ่ายบอลของ เชส ฟาเบรกาส ความคล่องตัวของ เอแด็น อาซาร์ ในการเล่นงานยูไนเต็ด
นับตั้งแต่ได้ประตูจนจบครึ่งแรก เชลซี ไม่ได้โอกาสสับไกเพิ่มเลยหากไม่นับลูกหรีคิกที่ เชส ยิงไปติดกำแพง
ถือเป็นครึ่งแรกที่สมบูรณ์แบบทีเดียวของ เชลซี เน้นเกมแน่นอน ไม่เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้และฉวยโอกาสเอาไว้ให้ได้
ออกสตาร์ทครึ่งหลังผ่านมา 10 นาทีทาง เชลซี เกือบเสียประตูจากความผิดพลาดของตัวเองเหมือนกันเมื่อ เชส ฟาเบรกาส ไปช้าหน้าเขตโทษตัวเองโดน อเล็กซิส ซานเชซ พุ่งมาเสียบบอลเข้าทาง มาร์คัส แรชฟอร์ด กดเต็มข้อยังดีที่บอกไปตรง ติโบต์ กูร์ดตัวส์ ทุบออกมาได้
เกมเปิดแลกกันสนุกเลย แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีทางเลือกนอกจากลุยเดินหน้าเต็มตัว ถือเป็นช่วงเวลาที่เกมรับของ เชลซี กดดันอย่างหนัก ในขณะที่ เอแด็น อาซาร์ ก็รอจังหวะตอบโต้ในเกมสวนกลับอยู่
ผีแดงพยายามอาศัยจังหวะเล่นชิ่งเพื่อเจาะตรงกลาง แต่การยืนตำแหน่งซ้อนสองตลอดของผู้เล่น เชลซี ก็ยังช่วยกันได้เป็นอย่างดี จะไม่มีการปล่อยให้เพื่อนต้องเผชิญความโดดเดี่ยวเลย
โซนรับของทีมบีบพื้นที่ได้ดีโดยเฉพาะในกรอบเขตโทษที่ไม่ปล่อยให้ผู้เล่นยูไนเต็ดเจาะเข้าไปง่ายๆ
จังหวะโต้ของทัพสีน้ำเงินควรจะได้จุดโทษอีกครั้งเมื่อ วิคเตอร์ โมเสส กระดกบอลโดนมือของ แอชีลี่ย์ ยัง เต็มๆโดยไม่ต้องใช้ ‘วีเออาร์’ ช่วยเลย เพราะทาง ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ก็ยืนอยู่ตรงนั้น เพียงแต่ดุลพินิจอาจจะมองว่าเป็น ‘บอล ทู แฮนด์’ มากว่า ทำให้สกอร์ที่นำอยู่ประตูเดียวยังต้องกดดันต่อไป
ช่วง 17 นาทีสุดท้ายถึงเวลาที่ต้องเจอของจริงเมื่อ โรเมลู ลูกากู กองหน้าร่างใหญ่ลงมาชนกับแนวรับซึ่งต้องเจอกับความหลากหลายของเกมรุกมากขึ้น ทว่าแนวรับของทีมก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมในการปิดโอกาส โดยเฉพาะเมื่อลูกเปิดจากทางด้านข้างของยูไนเต็ดไม่ได้ดีเท่าควร
ในจังหวะโต้ของ เชลซี มีหลายครั้งเหมือนกันควรจะจบด้วยการยิงแต่การเล่นหลายจังหวะเกินไปของ เอแด็น อาซาร์ ก็ทำให้ทีมเสียโอกาสไปไม่น้อยเหมือนกัน
เข้าใจว่าครองบอลได้ ดึงผู้เล่นคู่แข่งได้ เล่นถ่วงเวลาได้ แต่เมื่อไม่กด้ประตูเพิ่มมันก็ทำให้เพื่อนต้องกดดันต่อ
และก็เกือบได้เรื่องเหมือนกันจากลูกเตะมุมที่ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ตัวสำรอง เปิดไปกลางประตู ปอล ป๊อกบา เทคตัวขึ้นโหม่งโล่งๆกลางประตูเลย แต่สะบัดหัวมากไปบอลหลุดเสาสองไปชนิดที่ทั้งนักเตะและแฟนบอลสิงห์บลูส์ใจหายเหมือนกัน
ใครเห็นก็ต้องบอกว่า 'หาย' แต่ก็รอดมาแบบไม่น่าเชื่อ
ท้ายเกม อันโตนิโอ คอนเต้ ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนตัวขยับคนแรกเพื่อถ่วงเวลาไปในตัวเอา อัลบาโร่ โมราต้า ลงมาแทน โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ก่อนที่จะขยับอีกครั้งเอา วิลเลี่ยน ลงแทน เอแด็น อาซาร์ ในนาทีสุดท้าย
ไม่มีปัญหาในช่วงทดเจ็บยาว 5 นาที เชลซี รักษาสกอร์ไว้ได้ กำชัยชนะด้วยสกอร์ 1-0 ลบความผิดหวังในลีก รวมถึงในฤดูกาบที่แล้วที่เข้าชิงเหมือนกันแต่ไปไม่ถึงดวงดาว
แชมป์เอฟเอ คัพ สมัยที่ 8 ของทีม และเป็นแชมป์รายการที่สองในรอบสองปีของ อันโตนิโอ คอนเต้ ถึงจุดนี้ถ้าพูดโดยรวมแล้วกุนซือชาวอิตาเลี่ยนถือว่าทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เพียงแต่เป้าหมายใหญ่อย่างการไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกมันพลาดไป เลยทำให้สถานการณ์ย่ำแย่สักหน่อย
ปีแรกแชมป์ลีก ปีที่สองแชมป์เอฟเอ คัพ ถือว่าสอบผ่านถ้ามองในแง่ของความสำเร็จ ไม่แน่ว่าปีหน้าการที่ทีมลงเล่นแค่ในยูโรปา ลีกอาจจะทำให้ทีมเน้นในลีกได้แบบ "เต็มๆ" อีกครั้งเหมือนเมื่อปี 2016/17 ที่ก้าวไปถึงตำแหน่งสูงสุดของประเทศอีกครั้งก็เป็นได้
ณ เวลานี้เป็นเวลาของการเฉลิมฉลองของแฟนสิงห์กับแชมป์ใบสุดท้ายของลีกอังกฤษ ซึ่งศักดิ์ศรีไม่ด้อยไปกว่าแชมป์ลีกสูงสุดแน่นอน หลังจากนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือหรือไม่ก็รอติดตามกัน เพราะทาง อันโตนิโอ คอนเต้ เองก็พร้อมจะทำทีมต่อไปภายใต้สัญญาที่ยังเหลืออยู่
ถึงตอนนี้ให้นักเตะได้พัก ส่วนบอร์ดบริหารก็ทำงานกันไปตามหน้าที่ทั้งในเรื่องของการซื้อ-ขายนักเตะ และการวางแผนงานสำหรับฤดูกาลถัดไป
ปีหน้าฟ้าใหม่ก็ค่อยมาลุ้นกันอีกครั้ง