เรือใช้9นาทีท้ายยิง3ลูกดับทีมลีกทู3-1
แมนฯ ซิตี้ ต้องออกแรงเหนื่อยแบบไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว โดยมาทำ 3 ประตูในช่วง 9 นาทีสุดท้ายพลิกกลับมาเอาชนะ เชลท์แน่ม จากลีก ทู 3-1 ผ่านเข้ารอบ 5 เอฟเอ คัพ
ฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบสี่
เชลท์แน่ม (ลีก ทู) 1
แมนฯ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก) 3
สนาม : จอนนี่-ร็อคส์ สเตเดี้ยม
เริ่มเกมครึ่งแรกมาเพียง 1 นาที แมนฯ ซิตี้ สามารถกดดันเจ้าบ้านได้ทันที กาเบรียล เชซุส รับบอลที่ถูกเปิดมาจาก ริยาด มาห์เรซ จนเจ้าตัวหลุดมาที่บริเวณกรอบเขตโทษฝั่งขวาแล้วได้ยิงจังหวะ 50/50 ไปติดเซฟผู้รักษาประตูที่พยายามวิ่งออกมาตัดบอลได้พอดิบพอดี
ทัพเรือใบสีฟ้าโหมเกมรุกอย่างหนักตลอดช่วงเวลา 10 นาทีแรก มาถึงนาทีที่ 12 เทย์เลอร์ ฮาร์วู้ด-เบลลิส เลี้ยงบอลมาจนเกือบสุดริมเส้นฝั่งขวาแล้วได้ผ่านบอลเข้ากลาง บอลถูกสกัดโดยกองหลัง เชลท์แน่ม แต่ไม่ขาดจนไปเข้าทางปืนของ แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ ที่ยืนอยู่แถวนั้นพอดี วิ่งมาซัดเต็มข้อในบริเวณกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย บอลพุ่งติดจรวดผ่านมือผู้รักษาประตูไปแล้วกำลังจะเข้าเสียบเสาไกล แต่น่าเสียดายที่ เบน โทเซอร์ กองหลังเจ้าบ้านที่ยืนอยู่บริเวณเส้นประตู ไม่ยอมง่ายๆ กระโดดเซฟด้วยหัว บอลเด้งพ้นเขตอันตรายไว้ได้อย่างหวุดหวิด
ช่วงเวลาหลังจากนั้นเกมของลูกทีม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เริ่มหมดไอเดียในการเจาะแนวรับ เชลท์แน่ม จนมาถึงนาที 32 แมนฯ ซิตี้ มีจังหวะได้ลุ้นอีกครั้ง ทอมมี่ ดอยล์ เปิดบอลจากกลางสนามไปให้ เมนดี้ ที่วิ่งเติมขึ้นมาบริเวณริมเส้นฝั่งซ้าย แล้วแปบอลเข้ากลางแบบไม่จับให้กับ ฟิล โฟเด้น ได้ยิงเดี่ยวๆ ด้วยซ้ายในกรอบ แต่บอลไม่ตรงกรอบหลุดเสาซ้ายออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 39 มาห์เรซ เห็นช่องลองส่องไกลด้วยซ้ายข้างถนัด บอลพุ่งส่ายไปที่ประตู แต่ โจชัว กริฟฟิธส์ นายทวารเจ้าบ้าน โชว์หนึบกระโดดทุบบอลออกไปได้อย่างยอดเยี่ยม
มาถึงนาที 41 ผู้ตัดสินตัดสินใจเป่าหยุดเกมชั่วคราวเพื่อความปลอดภัยของนักเตะ เนื่องจากเกิดเหตุแฟนบอลจุดพลุนอกสนาม ทำให้เกมหยุดไป 5 นาที หลังจากนั้นผู้ตัดสินให้ทำการแข่งขันต่อแต่ทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ ทำให้จบครึ่งเวลาแรก เสมอกันอยู่ 0-0
ครึ่งหลัง นาที 53 แมนฯ ซิตี้ มาได้โอกาสทองในการทำประตูแต่ทำไม่สำเร็จ ฟิล โฟเด้น แทงทะลุช่องให้กับ กาเบรียล เชซุส หลุดเดี่ยวไปดวลหนึ่งต่อหนึ่งกับผู้รักษาประตู ก่อนที่เจ้าตัวจะโยกขวาหนึ่งจังหวะแล้วยิงด้วยขวาบอลหนีผ่านมือผู้รักษาประตูได้สำเร็จ แต่โชคร้ายสุดๆเมื่อบอลไปโดนเสานอกออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
มาในนาที 59 ทัพเรือใบสีฟ้าเสียท่าเจอทีเด็ด เชลท์แน่ม โดนนำก่อนเสียแล้ว 0-1 จากจังหวะไม้เด็ดทุ่มไกลของ เบน โทเซอร์ ที่เกือบเล่นงาน แมนฯ ซิตี้ มาแล้วในครึ่งเวลาแรก จนมาจังหวะนี้ทำได้สำเร็จ บอลถูกทุ่มไกลจากริมเส้นฝั่งซ้ายเข้าไปในกรอบเขตโทษ ไปแฉลบ แฟร์นันดินโญ่ ที่พยายามโหม่งสกัดบอลแต่ไม่สำเร็จ บอลมาถึงบริเวณกรอบ 5 หลา เป็น แอลฟี่ เมย์ สวมวิญญาณเพชรฆาตวิ่งมาสะกิดบอลด้วยขวาจ่อๆหน้าประตูเข้าไปตุงตาข่ายได้สำเร็จ
หลังจากพยายามบุกอย่างหนัก มาในนาที 81 แมนฯ ซิตี้ ทำประตูตีเสมอได้สำเร็จ จากจังหวะครอสบอลจากริมเส้นฝั่งขวาโดย ชูเอา คันเซโล่ ที่ถูกส่งตัวลงมาในครึ่งหลัง มาถึง ฟิล โฟเด้น วิ่งมาแปด้วยซ้ายแบบไม่จับในกรอบเขตโทษสวนทางผู้รักษาประตูเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้สำเร็จ ทีมเยือนตีเสมอ 1-1
เพียง 3 นาทีหลังจากนั้น แมนฯ ซิตี้ ทำประตูขึ้นนำได้อย่างน่าเหลือเชื่อ 2-1 บอลถูกโยนขึ้นหน้าโดย แฟร์นันดินโญ่ ให้กับ กาเบรียล เชซุส ที่วิ่งหลุดกับดักล้ำหน้ามาได้สำเร็จ จับบอลลงด้วยขวาแล้วเอี้ยวตัวซัดด้วยขวาผ่านมือผู้รักษาประตูเข้าไปตุงตาข่ายได้อย่างเฉียบคม
มาในช่วงท้ายครึ่งหลังก่อนหมดเวลา นาที 90+4 ทีมเยือนมาตอกฝาโลง จากจังหวะผ่าบอลเข้ากลางโดย อิลคาย กุนโดกัน ที่ถูกส่งตัวลงมาในครึ่งหลังอีกคน ใส่พานให้กับ เฟร์ราน ตอร์เรส ได้เข้าฮอสโล่งๆ หน้าประตูเข้าไป จบเกม แมนฯ ซิตี้ เอาชนะ 3-1 ผ่านเข้ารอบไปเจอ สวอนซี
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลท์แน่ม : โจชัว กริฟฟิธส์, ชาร์ลี เรแกลน, เบน โทเซอร์, วิลเลี่ยม บอยล์, แม็ตตี้ แบลร์, ฟินน์ อาแซซ, คอเนอร์ โธมัส, คริส เคลเมนต์ส, ลูอิส ฟรีสโตน, แอลฟี่ เมย์, จอร์จ ลอยด์
แมนฯ ซิตี้ : แซ็ค สเตฟเฟ่น, เทย์เลอร์ ฮาร์วู้ด-เบลลิส, เอริค การ์เซีย, อายเมริค ลาปอร์กต์, แบ็งฌาแม็ง เมนดี้, เฟร์ราน ตอร์เรส, แฟร์นันดินโญ่, ทอมมี่ ดอยล์, ริยาด มาห์เรซ, กาเบรียล เชซุส, ฟิล โฟเด้น
ผู้ตัดสิน : สจ๊วร์ต แอตเวลล์
TH SPORTเว็บไซต์ข่าวกีฬา อัพเดทข่าวฟุตบอลต่างประเทศทุกวันทุกเวลา