แม้ดดิสันสะใจไม่ใช่"บิ๊ก6"ก็ถอนขนหงส์ได้

‘หงส์แดง’ คือเหยื่อรายล่าสุดในกลุ่ม’บิ๊ก6’ใต้คมเขี้ยว ‘ฟ็อกซ์’ต่อจาก แมนฯ ซิตี้, อาร์เซน่อล, สเปอร์ส และ เชลซี เท่ากับว่าเหลือ แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมเดียวยังไม่ถูกเล่นงาน 

แน่นอนว่าการเก็บ 5 จาก 6 มหาอำนาจลีกได้ในซีซั่นเดียวกันแบบนี้ทำให้ เลสเตอร์ เดินยืด

“เราทราบว่าเมื่อเล่นกับ ลิเวอร์พูล มันเป็นงานหินเพราะคู่แข่งเล่นดีทั้งเกมรุก-เกมรับ มันจึงสำคัญว่าต้องรักษาตัวให้อยู่ในเกม - เราคือทีมหัวแถวทราบว่าโอกาสต้องมาถึง" การเปิดปากกับ ‘บีที สปอร์ต’

“เราเล่นเนี้ยบแต่ต้นจนจบ ยิ่งคู่แข่งเดินเครื่องลุยพื้นที่ก็ยิงเปิดให้ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ เล่นงานด้วยลูกโต้กลับ คิดว่าใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นั้นดีมาก” 

https://twitter.com/btsportfootball/status/1360597785809215491

แม้ดดิสัน พูดถึงสกอร์ตีเสมอ 1-1 ที่โดนวีเออาร์ช่วยยืนยันว่าบริสุทธิ์นั้นทีแรกก็สับสนไปหมดตัดสินแบบไหน 

“ผมไม่ทราบมันมีอะไรเกิดขึ้น มันประดังเข้ามาในหัว คิดว่าผู้ตัดสิน แอนโธนี่ เทย์เลอร์ ก็มึนเช่นกัน เขาพูดกลับไปกลับมา ทีแรกบอกลูกโทษ จากนั้นบอกแค่ฟรีคิก … พอผมหวดลูกตั้งเตะเข้าก็บอกว่า แดเนี่ยล อมาตี้ย์ มีส่วนร่วมแล้วสะกิดบอลจึงล้ำหน้า แล้ววีเออาร์ก็บอกว่ายังอยู่ในไลน์- มันคือช่วงสำคัญให้เรากลับสู่เกม”

“ประตูของ เจมี่ วาร์ดี้ เขาจมูกไวฉกฉวยโอกาส ความผิดพลาดของผู้รักษาประตูกับเซนเตอร์แบ็ก มันก็เหตุเกิดได้อย่าไปใส่ใจมาก”

“อาลีสซง อาจเจอช่วงลำบากแค่หมอนั่นคือโกลระดับท็อป ผมมั่นใจเขาจะกลับฝั่ง -ส่วนเรื่องการเก็บความผิดพลาดคู่แข่งเป็นประตูผมปลื้มนะ” 

“มันคือการทำ 3 แต้มขยับหนี ลิเวอร์พูล เรามองแบบเกม-ต่อ-เกม ขุมกำลังเราเปี่ยมคุณภาพ แม้ตัวเจ็บบานแต่ไม่อยากบ่นมากเพราะเราไม่ใช่ ‘บิ๊ก 6’ แต่สิ่งที่แสดงออกมาให้เห็นในคุณภาพของขุมกำลังช่วงยอดเยี่ยม” 

“เราคู่ควรอยู่ตรงนี้ ไม่ได้ขึ้นมาแบบอาศัยโชค ก็จะทำงานหนัก กัดฟันสู้ล่าผลการแข่งขันต่อเวลาเจอทีมใหญ่แบบ ลิเวอร์พูล มันคือการฉกฉวยจังหวะสำคัญ ด้วยความสัตย์แม้เรายังไม่ได้เล่นดีที่สุด แต่ผมยกให้นี่คือโมงยามสำคัญเลย” กองกลางเลือดผู้ดีทิ้งท้าย