:::     :::

หงส์เสียวตอนท้าย4-3เรือจมก้นทะเลนัดแรก

วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2561
3,714
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share

ลิเวอร์พูล หยุดความร้อนแรงและยัดเยียดความปราชัยในลีกนัดแรกให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้สำเร็จเมื่อเปิดรังแอนฟิลด์ถอนแค้นหวุดหวิด 4-3 ในเกมบิ๊กแมตช์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2561

ลิเวอร์พูล 4 - แมนฯ ซิตี้ 3

สนาม : แอนฟิลด์ 

ลิเวอร์พูลของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่มี เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กองหลังค่าตัวแพงที่บาดเจ็บทำให้ โฌแอล มาติป ได้จับคู่กับ เดยัน ลอฟเรน ส่วน 3 แนวรุกใช้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่

ด้านแมนฯ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ยังไม่แพ้ใครในลีก เรียก เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" คืนตัวจริงพร้อมกับมี เควิน เดอ บรอยน์ ปั้นเกมร่วมกับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่กลับมาเยือนถิ่นเก่า ส่วน ดาบิด ซิลบา เป็นเพียงสำรอง 

เริ่มเกมมานาทีที่ 9 ลิเวอร์พูล ออกนำอย่างรวดเร็วเมื่อ ฟาเบียน เดล์ฟ เสียการครองบอล อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน เก็บได้ก่อนตัดสินใจกระชากฝ่าผู้เล่นแมนฯ ซิตี้ แล้วซัดด้วยขวาจากหน้าเขตโทษฝั่งขวา บอลพุ่งเรียดเสียบเสาไกลอย่างเด็ดขาด เอแอร์ซอน พุ่งสุดตัวแต่ไปไม่ทัน

นาที 23 เป็นโอกาสของแมนฯ ซิตี้ ไคล์ วอล์คเกอร์ จ่ายจากขวาเข้ากลางมาให้ เลรอย ซาเน่ พลิกยิงด้วยซ้าย บอลแฉลบ ลอฟเรน เปลี่ยนทางหลุดเสานิดเดียว

อีก 3 นาทีถัดมา เกมหยุดลงเล็กน้อยเมื่อ ฟาเบียน เดลฟ์ บาดเจ็บจากจังหวะตามสไลด์ แชมเบอร์เลน แม้จะกลับมาเล่นได้ราว 7 นาทีแต่สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนออกให้ ดานิโล่ ลงเล่นแทน

หงส์แดงได้ลุ้นอีกครั้งในนาทีถัดมา แชมเบอร์เลน เบียด ดานิโล่ ก่อนเปิดบอลจากฝั่งขวา มาเน่ สอดมาโขกเสาแรกแต่มุมเหลือน้อย บอลเลยไม่เข้ากรอบ

เกมของแมนฯ ซิตี้ ขาดความต่อเนื่องเมื่อ ลิเวอร์พูล ใช้การบีบเร็ว และช่วยกันไล่เพรสซิ่งอย่างขยัน นาที 39 หงส์แดง ตัดบอลได้และจบด้วย ซาลาห์ ได้บอลหน้าเขตโทษก่อนหาจังหวะยิงเองด้วยซ้าย แต่บอลตรงตัว เอแดร์ซอน

แต่แล้วอีก 2 นาทีถัดมา แมนฯ ซิตี้ กลับตีเสมอ 1-1 ได้จากจังหวะที่ วอล์คเกอร์ เปิดบอลโด่งข้ามฝากจากขวามาซ้าย ซาเน่ เอาบอลลงก่อนโยกหนี 2 ผู้เล่นหงศ์แดงแล้วซัดมุมแคบส่งบอลผ่านมือ ลอริส คาริอุส เข้าเสาแรกอย่างไม่มีใครคาดคิด ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังทั้งสองทีมแลกกันสนุกเช่นเคย นาที 52 เรือใบได้ลุ้นก่อน นิโกลัส โอตาเมนดี้ ได้จังหวะสอดมาโขกชนคานอย่างน่าเสียดาย 

อีก 4 นาทีถัดมาเป็นหงส์แดงที่ได้ลุ้น อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน หวิดเล่นงาน เอแดร์ซอน อีกครั้งเมื่อหลุดเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนล็อกหนีตัวประกบแล้วอัดเสาแรก แต่บอลติดปลายมือ เอแดร์ซอน ออกหลังไป

ลิเวอร์พูลนำอีกครั้งเป็น 2-1 ในนาที 59 เมื่อ เดอ บรอยน์ เสียบอล หงส์แดงโต้กลับทันที แชมเบอร์เลน ไหลบอลเข้าเขตโทษให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เบียด จอห์น สโตนส์ จนได้เหลี่ยมแล้วงัดบอลข้ามตัว เอแดร์ซอน เข้าไปอย่างเหนือชั้นโดยที่ผู้ตัดสินให้ได้ประตูและไม่ได้มองว่าเป็นการฟาวล์ของ ฟีร์มีโน่

แอนฟิลด์แทบแตกในไม่กี่อึดใจ แฟร์นันดินโญ่ ของแมนฯ ซิตี้ จ่ายพลาดอีกครั้ง มาเน่ เก็บได้หน้าเขตโทษแล้วปั่นด้วยขวา บอลพุ่งชนเสาอย่างจัง

แต่จังหวะต่อมา หงส์แดงก็เอาประตูหนีเป็น 3-1 จนได้จากรูปแบบเดิมที่ไล่บีบจนเรือใบพลาดและเสียบอล คราวนี้เป็น มาเน่ คนเดิมที่แก้ตัวได้เมื่อรับบอล ซาลาห์ แล้วมีทั้งเวลาและพื้นที่จึงค่อยๆ วางเท้าตะบันด้วยซ้ายจากระยะเส้นเขตโทษส่งบอลเสียบสามเหลี่ยมสวยงามหมดจด

สกอร์ไหลเป็น 4-1 ในอีก 6 นาทีถัดมาสำหรับหงส์แดง ลิเวอร์พูล ตัดบอลได้อีกครั้งและโต้กลับ ซาลาห์ จะแทงให้เพื่อนเข้าเขตโทษแต่มี เอแดร์ซอน วิ่งออกมาเตะเคลียร์ ทว่าบอลดันลอยมาหา ซาลาห์ ที่เกี่ยวลงแล้วยิงไกลทันทีจากระยะราว 40 หลา บอลลอยตุงตาข่ายอย่างสวยงาม 

นาที 78 แมนฯ ซิตี้ พลาดได้ประตูอย่างน่าเสียดาย เดอ บรอยน์ เปิดโค้งจากขวาเลยไปที่เสาไกล โอตาเมนดี้ ลอยมาชาร์จแต่โดนบอลไม่ดีทำให้เสียโอกาสอย่างน่าเสียดาย

อีก 6 นาทีถัดมา เรือใบเอาประตูที่ 2 จนได้เมื่อ กุน อเกวโร่ ได้ยิงในเขตโทษติดบล็อก แต่บอลเด้งมาเข้าทาง แบร์นาโด้ ซิลวา ซ้ำด้วยซ้ายเสียบโคนเสาเข้าไป เปลี่ยนสกอร์เป็น 4-2 

ช่วงทดเจ็บ แมนฯ ซิตี้ มีหวังขึ้นอีกเมื่อ อเกวโร่ หยอดบอลให้ กุนโดกัน กระโดดพักอกเอาบอลแล้วก่อนจิ้มระยะ 6 หลาตุงตาข่ายเป็น 4-3 แต่ก็ได้เพียงแค่นี้ จบเกม ลิเวอร์พูล ถอนแค้นเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ 4-3 และทำให้เรือใบสีฟ้าแพ้ในลีกเป็นนัดแรกของฤดูกาลแต่ยังนำจ่าฝูงที่ 15 คะแนนเช่นเดิม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล : ลอริส คาริอุส - โจ โกเมซ, โฌแอล มาติป, เดยัน ลอฟเรน, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน - อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, เอ็มเร่ ชาน, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่

แมนฯ ซิตี้ : เอแดร์ซอน - ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, นิโกลัส โอตาเมนดี้, ฟาเบียน เดลฟ์ - แฟร์นันดินโญ่, อิลคาย กุนโดกัน - ราฮีม สเตอร์ลิง, เควิน เดอ บรอยน์, เลรอย ซาเน่ - เซร์คิโอ อเกวโร่  


TH SPORTเว็บไซต์ข่าวกีฬา อัพเดทข่าวฟุตบอลต่างประเทศทุกวันทุกเวลา

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด