โมร็อกโกดวลเป้าน็อคกระทิงเข้าก่อนรองฯ
โมร็อกโก สร้างประวัติศาสตร์เข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรก เมื่อเอาชนะ สเปน ในช่วงดวลจุดโทษ 3-0 หลังเสมอกันในเวลา 90 นาที และ 120 นาที 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย
โมร็อกโก 0 - สเปน 0
(ต่อเวลาพิเศษเสมอ 0-0, โมร็อกโก ชนะจุดโทษ 3-0)
สนาม : เอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม, อัล รายยาน, กาตาร์
เริ่มเกมมา 12 นาที โมร็อกโก ได้ลุ้นจากลูกฟรีคิก อาชราฟ ฮาคิมี่ ยิงด้วยเท้าขวาบอลพุ่งข้ามคานออกไป
สเปน มามีลุ้นในนาทีที่ 24 จากจังหวะที่ บูนู ไปออกบอลหน้าประตูตัวเองแล้วเสีย บอลถูกสวนมาถึง เฟร์ราน ตอร์เรส แปะให้ กาบี ยิงโล่งๆ ไปติดเซฟ บูนู ชนคาน เด้งมาเข้าทาง ตอร์เรส ยิงซ้ำอีกทีก็ติดบล็อค ไซอิสส์ ทว่าก็มีธงล้ำหน้าจากไลน์แมนตั้งแต่ตำแหน่งแรกของ ตอร์เรส ไปแล้ว
สเปน มาได้ลุ้นประตูจริงจังหนแรกของเกมในนาทีที่ 26 จอร์ดี้ อัลบา ตักบอลจากกลางสนามให้ มาร์โก อาเซนซิโอ หลุดกับดักล้ำหน้าไปยิงมุมแคบในเขตโทษด้านซ้าย แต่บอลไปเข้าตาข่ายด้านข้าง
แต่ โมร็อกโก ก็เปิดเกมสู้แบบไม่กลัวเลย นาทีที่ 33 นุสแซร์ มาซราอุย ได้ยิงไกลด้วยเท้าซ้าย แต่ อูไน ซิมอน ก็เซฟไว้ได้
ท้ายครึ่งแรกก็ยังเป็นโอกาสของ โมร็อกโก เมื่อ โซฟิยาน บูฟาล เปิดจากฝั่งซ้ายมาให้ นาเยฟ อาเกิร์ด เทกตัวโหม่งข้ามคานออกไป
หมดครึ่งแรกยังเสมอกัน 0-0
ครึ่งหลัง นาทีที่ 54 สเปน มาได้ลุ้นจากฟรีคิกเกือบจะริมเส้นฝั่งซ้าย อาเซนซิโอ เขี่ยสั้นให้ โอลโม่ วิ่งเข้ายิงมุมแคบเลย แต่ บูนู ก็ยังปัดไว้ได้
จากนั้น สเปน ก็ครองบอลแทบจะฝั่งเดียว แต่ก็เป็นการครองบอลที่แบบไม่ได้ทำอันตรายอะไร โมร็อกโก ได้เลย
เกมเริ่มเปิดขึ้นอีกครั้งในนาทีที่ 85 คราวนี้ ฮาคิมี่ ทะลุไปทางขวาก่อนเปิดไปเสาไกลให้ อับเด เอซซัลซูลี่ โหม่งตั้งกลับมา วาลิด เชดดิร่า พยายามหมุนตัวยิง แต่ ลาปอร์กต์ ก็เบียดไว้แล้วเลยไม่ถนัดบอลไปเข้ามือ ซิมอน
ช่วงทดเจ็บ สเปน มีลุ้นอีกครั้ง การ์ลอส โซเลร์ เปิดฟรีคิกจากฝั่งซ้ายไปเสาไกลให้ อัลบาโร่ โมราต้า โหม่งก็ข้ามคานออกไป
ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 5 สเปน มีโอกาสทอง จากลูกฟรีคิก ดานี่ โอลโม่ เปิดเข้าไป ไม่มีเพื่อนเข้าถึงบอล แต่วิถีลูกตรงกรอบ ยังดีที่ บูนู ไม่เหม่อพุ่งปัดทิ้งออกหลังไปได้ จากลูกเตะมุม โซเลร์ เปิดมาให้ ลาปอร์กต์ โหม่งก็ติดบล็อคก่อนที่จะถูกสกัดทิ้งไป
จบ 90 นาที โมร็อกโก เสมอ สเปน 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที
ในช่วงต่อเวลาพิเศษนาทีที่ 100 สเปน มีลุ้นประตู เมื่อ มาร์กอส ยอเรนเต้ โยนจากฝั่งขวามาตกใส่เท้า ซิเย็ค กระฉอกออกมาเข้าทาง อเลฆานโดร บัลเด้ ตัวสำรองได้ยิงด้วยซ้าย แต่ ฮาคิมี่ ยังล้มตัวบล็อคไว้ได้
โมร็อกโก มีโอกาสทองในนาทีที่ 104 เมื่อ อัซเซดีน อูนาฮี ไหลเข้าช่องให้ วาลิด เชดิร่า เกี่ยวหลุดไปลเล่าเป้ากับผู้รักษาประตู แต่ดันยิงไปตรงตัว อูไน ซิมอน ที่ใช้ขาเซฟเอาไว้ได้
นาทีที่ 120+3 สเปน เกือบปล่อยหมัดน็อคได้ จากลูกที่ โรดรี้ เปิดจากมุมเขตโทษด้านซ้ายโค้งมาเสาไกลให้ ปาโบล ซาราเบีย ล้มตัวยิงมุมแคบ บอลไปชนเสาไกลเหลี่ยมนอกเด้งออกหลังไป
จบ 120 นาที โมร็อกโก ก็ยังเสมอ สเปน 0-0 ต้องไปยิงจุดโทษตัดสิน
เริ่มคนแรก โมร็อกโก ยิงก่อนจาก อับเดลฮามิด ซาบิรี่ ซึ่งก็ยิงเข้าไปไม่พลาด โมร็อกโก นำ 1-0
คนแรกของ สเปน นั้นเป็น ปาโบล ซาราเบีย และเขาก็ยิงไปชนเสา นั่นทำให้ โมร็อกโก ได้เปรียบแล้ว
คนที่สองของ โมร็อกโก ฮาคิม ซิเย็ค รับหน้าที่ยิงเข้าไปไม่พลาดตรงกลางประตู โมร็อกโก นำไป 2-0
ถัดมาคนที่สองของ กระทิงดุ เป็น การ์ลอส โซเลร์ และเขาก็ยิงไปถูก บูนู เดาถูกทางพุ่งเซฟไว้ได้
คนที่สามของ โมร็อกโก บาเดอร์ เบนูน ยิงไปถูก อูไน ซิมอน เซฟไว้ได้
คนที่สามของ สเปน เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ก็ยังยิงไปติดเซฟ บูนู อีกนำให้ โมร็อกโก ยังนำอยู่ 2-0 และโอกาสที่จะชนะเยอะแล้ว
คนที่สี่ของ โมร็อกโก ถ้ายิงเข้าก็จะชนะในทันที อาชราฟ ฮาคิมี่ ยิงนิ่มๆ กลางประตูเข้าไป
เสร็จสิ้นช่วงดวลจุดโทษ โมร็อกโก เอาชนะ สเปน ในช่วงดวลเป้าไป 3-0 พลิกล็อกผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ โดยจะไปรอพบผู้ชนะคู่ระหว่าง โปรตุเกส กับ สวิตเซอร์แลนด์
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
โมร็อกโก : ยัสซีน บูนู - อาชราฟ ฮาคิมี่, นาเยฟ อาเกิร์ด, โรแม็ง ไซอิสส์, นุสแซร์ มาซราอุย - อัซเซดีน อูนาฮี, โซฟิยาน อัมราบัต, เซลิม อมัลลาห์ - ฮาคิม ซิเย็ค, ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่, โซฟิยาน บูฟาล
สเปน : อูไน ซิมอน - มาร์กอส ยอเรนเต้, โรดรี้ เอร์นานเดซ, เอมเมอริก ลาปอร์กต์, จอร์ดี้ อัลบา - กาบี, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, เปดรี้ - เฟร์ราน ตอร์เรส, มาร์โก อาเซนซิโอ, ดานี่ โอลโม่
ผู้ตัดสิน : เฟร์นานโด ราปัลลินี่ (อาร์เจนตินา)
TH SPORTเว็บไซต์ข่าวกีฬา อัพเดทข่าวฟุตบอลต่างประเทศทุกวันทุกเวลา