แพร์รับสภาพสังขารไม่เที่ยงรอวันรีไทร์
แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ ปราการหลังกัปตันทีม อาร์เซน่อล สัมภาษณ์เปิดใจว่าอายุที่มากขึ้นส่งผลต่อสภาพร่างกาย และจิตใจถดถอย จนไม่สามารถปุเลงลูกหนังสร้างผลงานแข่งกับเด็กรุ่นหลังได้อีก
แมร์เตซัคเกอร์ เตรียมเปลี่ยนบทบาทจากนักเตะมาเป็นหนึ่งในสตาฟฟ์ของ ผจก.ทีม อาร์แซน เวนเกอร์ หลังจบฤดูกาล 2017-18 เนื่องจากรู้ตัวที่แข้งวัย 33 กะรัต คงไม่แกร่งเหมือนเดิมอีกแล้ว
"เมื่อวันนั้นมาถึง เราก็สามารถสำเหนียกตัวเองว่ามีหลายสิ่งมันเป็นภาระไปหมด ทั้งเรื่องร่างกาย รวมถึงจิตใจ, แต่ฐานะนักเตะอาชีพก็ต้องลงแข่งตามหน้าที่ แม้จะยังเดี้ยงอยู่ด้วยซ้ำ" กองหลังดีกรีแชมป์โลก 2014 กล่าวกับ 'แดร์ สปีเกล' แมกาซีนรายสัปดาห์ของ เยอรมัน
แมร์เตซัคเกอร์ (ซ้าย) ยอมรับว่าหมดไฟลงสนาม
"อาการช่วงก่อนเริ่มคิก-ออฟ ท้องไส้มันปั่นป่วนไปหมด จนต้องเข้าส้วมไปอ้วก จากนั้นมันจะหายใจไม่ออกอย่างรุนแรงจนถึงขั้นร้องไห้ออกมา"
เซนเตอร์ฮาล์ฟดอยช์แทบไม่มีส่วนร่วมกับทีม 'ปืนใหญ่' ในฤดูกาลนี้ โดยหนสุดท้ายคือเกม เอฟเอ คัพ ที่พ่ายต่อ ฟอเรสต์ ตกแค่รอบ 3 เมื่อต้นดือนมกราคม
"บางครั้งผมหัวใจหวั่นจนต้องอาเจียนร่วม 20 รอบ มันเป็นความทรงจำที่เลวร้ายมาก" เมื่อใจมันไม่สู้บวกอาการเจ็บเข่าเรื้อรัง ทำให้ แมร์เตซัคเกอร์ ขอแขวนสตั๊ดดีกว่า
ลงสนามทีไรก็กลายเป็นบ่อน้ำมัน หรือก่อนแข่งก็ใจตุ้มๆต่อมๆตลอด
"ร่างกายผมไม่ไหวแล้ว แม้หลายคนจะบอกให้สนุกกับการเล่นปีสุดท้าย, หาโอกาสลงสนามมากสุดเท่าที่สามารถ แต่ด้วยความเคารพขอผมนั่งนิ่งๆที่ม้านั่งสำรองหรือบนอัฒจันทร์ดีกว่า"
"พออายุเกิน 30 ปีขึ้นมา การไม่ต้องแบกรับภาระอะไมันทำให้ผมรู้สึกปลดปล่อยและเป็นอิสระมากกว่าเสียอีก"
แม้ปัจจุบันกองหลังดอยช์จะกลายเป็นแข้งหมดไฟ แต่ก่อนนั้นก็เคยสวมปลอกแขนเล่นอย่างห้าวหาญพา อาร์เซน่อล เป็นแชมป์เอฟเอ คัพ มากถึง 3 สมัย
TH SPORTเว็บไซต์ข่าวกีฬา อัพเดทข่าวฟุตบอลต่างประเทศทุกวันทุกเวลา