บูทเผยการเมืองในรั้วผีทำเสริมทีมล่าช้า
มาร์เซล บูท อดีตหัวหน้าแมวมองของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เผยว่าเรื่องการเมืองภายในสโมสรทำให้การดำเนินเรื่องเสริมทีมล่าช้าและสุดท้ายก็ชวดเป้าหมายที่ต้องการไปหลายราย
บูท เข้ามาทำงานกับ "ปีศาจแดง" เมื่อปี 2014 ในฐานะนักวิเคราะห์คู่แข่งของ หลุยส์ ฟาน กัล ซึ่งต่อมาเจ้าตัวได้ขยับตำแหน่งเป็นหัวหน้าแมวมอง ก่อนจะแยกทางกับสโมสรไปเมื่อปี 2022 และไปทำงานกับ นิวคาสเซิ่ล ในปัจจุบัน
ในช่วงเวลาที่ ฟาน กัล คุมทีมได้มีเป้าหมายในการเสริมทีมหลายคนทั้ง มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, เซร์คิโอ รามอส, อิลคาย กุนโดกัน, ซาดิโอ มาเน่, โธมัส มุลเลอร์, แกเร็ธ เบล และ แฮร์รี่ เคน แต่เมื่อแจ้งเรื่องไปยังเบื้องบนว่าจะมีการดำเนินการและให้คำตอบก็ช้าเกินไป ทำให้นายใหญ่ชาวดัตช์เรียก ยูไนเต็ด ว่าเป็นสโมสร "เชิงพาณิชย์" เมื่อปีที่แล้ว
"ผมสามารถเป็นผู้ร่วมงานในอุดมคติของ เทน ฮาก ที่สโมสรได้ แต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้เป็นแค่สโมสรที่ยอดเยี่ยม แต่ยังเป็นสโมสรที่ยากมากด้วย" บูท กล่าวกับ อัลเกมีน ดักบลัด
"ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องของการเมืองและพาณิชย์ การเลิกจ้างของผมก็เป็นการเลิกจ้างทางการเมือง กลุ่มชาวดัตช์มีอิทธิพล (ที่สโมสร)... ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบแบบนั้น"
"ผมวิจารณ์เรื่องภายใน (ของ ยูไนเต็ด) สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดคือความล่าช้ากับการตัดสินใจภายในเกี่ยวกับผู้เล่นที่น่าสนใจ สโมสรชั้นนำอื่นๆ ในยุโรปตอนนี้มีนักเตะระดับท็อปที่ทีมแมวมองของเราเห็นมาก่อนแล้ว"
"(เราจำเป็นต้อง) ทำให้แน่ใจว่า ยูไนเต็ด จะทำข้อตกลงอย่างรวดเร็วสำหรับแข้งพรสวรรค์ประเภทนี้ แล้วจากนั้นคุณก็สามารถปล่อยให้พวกเขาพัฒนาไปสักระยะใน เนเธอร์แลนด์ ได้"
สำหรับนักเตะสองคนที่ บูท มองว่าทีมควรจะได้มาร่วมทีมคือสองนักเตะจาก อาแจ็กซ์ ทั้ง มัทไธส์ เดอ ลิกต์ และ เฟรงกี้ เดอ ย็อง นั่นเอง
TH SPORTเว็บไซต์ข่าวกีฬา อัพเดทข่าวฟุตบอลต่างประเทศทุกวันทุกเวลา