เบลเยียม ได้โอกาสทักทายตั้งแต่นาทีแรกจากจังหวะที่ ชาร์ลส์ เดอ เคตลาเร่ จ่ายบอลให้ ยูริ ตีเลมันส์ ยิงด้วยขวาในเขตโทษ ทว่าติดเซฟของ ไมค์ เมนญอง 

เบลเยียม หาโอกาสจบสกอร์ได้ดีกว่าในช่วง 15 นาทีแรกที่ได้ลุ้นยิงอีกจากทั้ง เวาต์ ฟาส และ โลอิส โอเปนด้า แต่ยังไม่สามารถขึ้นนำได้

นาที 23 เบลเยียม ได้จุดโทษเมื่อ วิลเลียม ซาลีบา เสียหลักลื่นจนไปทำฟาวล์ โลอีส โอเปนด้า ในเขตโทษ ทว่า ยูริ ตีเลมันส์ ที่รับหน้าที่สังหารกลับซัดข้ามคานออกหลังไป 

ทว่าเป็นฝรั่งเศสที่ออกนำก่อน 1-0 จากจุดโทษในนาที 35 เวาต์ ฟาส ทำแฮนด์บอลในเขตโทษ ร็องดาล โกโล่ มูอานี่ รับหน้าที่ยิงไม่ผ่านซัดผ่าน เคิน คาสเทลส์ ตุงตาข่าย

ช่วงทดเจ็บ เบลเยียม ตีเสมอ 1-1 ได้ก่อนพักเบรก ทิโมธี คาสตาญ โยนบอลจากซ้ายเข้าไปในกรอบหกหลาให้ โลอิส โอเปนด้า โขกจ่อๆ ไม่เหลือซาก 

ครึ่งหลังนาที 62 ฝรั่งเศส นำอีกครั้งเป็น 2-1 ลูก้าส์ ดีญ เปิดบอลโค้งจากฝั่งซ้ายเข้าเขตโทษให้ ร็องดาล โกโล่ มูอานี่ โขกเข้าไปสวยงาม คาสเทลส์ ปัดโดนแต่เอาไม่อยู่

นาที 71 เป็นโอกาสลุ้นของ เบลเยียม เมื่อ เจเรมี่ โดกู จ่ายบอลทะแยงเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายให้ เลอันโดร ทรอสซาร์ จับขวายิงซ้าย แต่หักข้อเท้ามากไปนิด บอลจึงพุ่งผ่านหน้าประตูออกหลังไป

เข้าสู่ 10 นาทีสุดท้าย ฝรั่งเศส เหลือผู้เล่นเพียง 10 คนเมื่อ โอเรเลียง ชูอาเมนี่ ได้ใบเหลืองที่สองหลังไปทำฟาวล์ด้านหลังใส่ ยูริ ตีเลมันส์ จึงโดนไล่ออกจากสนามไป

ช่วงเวลาที่เหลือ เบลเยียม ที่ตัวมากกว่าไม่สามารถตามตีเสมอได้ทำให้จบเกม ฝรั่งเศส รักษาสกอร์นำได้ตลอดรอดฝั่งด้วยชัยชนะ 2-1 เก็บ 3 คะแนนสำคัญเอาไว้ได้