มาสกาเรลล์เผยต้นเหตุวิวาทหลังเกม'มายอร์ก้า-มาดริด'

โอมาร์ มาสกาเรลล์ มิดฟิลด์ มายอร์ก้า เปิดเผยเหตุผลที่ทำให้ผู้เล่นทั้งสองทีมมีปัญหาทะเลาะวิวาทกันหลังจบเกมที่ เรอัล มาดริด เป็นฝ่ายชนะ 3-0 ในรอบตัดเชือก ซูเปอร์ คัพ เมื่อวันพฤหัสฯ เนื่องจากนักเตะมาดริดต่างจ้องเล่นงาน ปาโบล มาฟเฟโอ แบ็กขวาชาวอาร์เจนไตน์ของทีมชาวเกาะ ตามรายงานจากมาร์ก้าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน มาฟเฟโอ เคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาจะน็อก วินิซิอุส จูเนียร์ ภายใน 10 วินาที ซึ่งกลายเป็นข่าวพาดหัวของสื่อเมืองกระทิง แต่ไม่มีบริบทที่ชัดเจน ก่อน มาสกาเรลล์ จะอธิบายว่านักเตะมาดริดพยายามอย่างเต็มที่เพื่อยั่วยุ มาฟเฟโอ ที่ตกเป็นเป้าหมายเล่นงานของ วินิซิอุส และ โอเรเลียง ชูอาเมนี่ 

'ในทุกเกม เรามีปัญหากับนักเตะคนหนึ่ง ผู้คนต่างโกรธเกรี้ยว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการชนะเกม เราไม่อยากพูดถึงเขา เพราะนั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ'

'พวกเขาทำข่าวพาดหัวตามที่พวกเขาต้องการ ชัดเจนว่าเขากำลังล้อเล่น แต่พวกเขาก็มีความคิดนั้นอยู่ในใจ ตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาล้มลงบนพื้นในครึ่งแรก ทุกคนต่างไล่ตามเขา เราคือครอบครัวและเราจะปกป้อง มาฟเฟโอ จนตาย สื่อที่ต้องการเผยแพร่ภาพเหล่านี้จะเห็นได้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น'

'ผมเป็นคนแรกที่ได้ดูวิดีโอสัมภาษณ์ และเห็นได้ขัดว่าเป็นเรื่องล้อเล่น แต่สิ่งที่เข้าถึงทีมมาดริดคือการพาดหัวข่าวเท่านั้น พวกเขาคิดเรื่องนี้ไวมาก แต่มันไม่ได้ทำให้เราสนใจ'

มาสกาเรลล์ เคยเป็นอดีตแข้งเยาวชนของ เรอัล มาดริด แต่ยังคงสนับสนุนทีมเก่า แต่รู้สึกว่าการรายงานข่าวเกี่ยวกับทีมปัจจุบันของเขานั้นไม่มีความยุติธรรม

'ท้ายที่สุดแล้ว มันดูเหมือนเป็นแบบนั้น และผมกำลังบอกกับคุณ ผมออกมาจากอะคาเดมี่ของ มาดริด และผมมีความรักพิเศษต่อสโมสร พวกเขาพรรณาเราเป็นคนเลว และผมคิดว่ามันไม่ควรเป็นแบบนั้น'

'เรามาเพื่อแข่งขัน การทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้นในสนาม ก็ยังคงเกิดขึ้นในสนาม มีบางช่วงของเกมที่พวกเขามองหาคุณ และมันดูเหมือนว่าจะมีเพียงเราเท่านั้นที่มองหาการทะเลาะวิวาท มันไม่ถูกต้อง และกล้องที่นั่นก็มี และคุณสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการแข่งขันนั้นดุเดือดเพราะทั้งสองทีม'

'ผมใช้เวลา 4 ปีที่ บัลเดเบบาส ผมไม่โทษใคร แต่ทุกคนต้องมีความสม่ำเสมอในการกระทำของตัวเอง แต่ผมอยากจะชี้แจงให้ชัดเจนว่าผมไม่อยากให้ มายอร์ก้า กลายเป็นตัวร้าย เพราะคุณเห็นได้ชัดเจนว่าการทะเลาะวิวาทเป็นฝีมือของทั้งสองทีม และทุกอย่างควรอยู่ในสนาม'