เจมี่ คาร์ราเกอร์ นักวิเคราะห์ ซีบีเอส สปอร์ตส์ มองว่า แมนฯ ซิตี้ ซีซั่นนี้วุฒิภาวะในการประคองตนให้จบแมตช์ ผลลัพธ์จากเกมพ่าย ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 2-4 ในชปล.ลีก เฟส วานนี้คือกรณีศึกษาชัดเจน
เกมที่ ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ ไร้สกอร์ครึ่งแรก แต่กลับมาเล่นไม่นาน ซิตี้ นำช่วงต้นครึ่งหลัง 2-0 จาก แจ็ค กรีลิช, เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์
ทว่าลูกทีมของ โจเซป กวาร์ดิโอล่า คุมสถานการณ์ไม่อยู่ถูกรัวคืน 4 เม็ดจาก อุสมาน เดมเบเล่, บราดเล่ย์ บาร์โกล่า, ชูเอา เนเวส และ กอนซาโล่ รามอส
สุดท้าย ‘เรือใบสีฟ้า’ ปราชัย 2-4 ลุ้นเต็มที่แค่เพลย์ออฟ 24 อันดับแรก ลีก เฟส
ความเขี้ยวลากดินที่หายไปของ ซิตี้ คือเรื่องที่อดีตแชมป์ชปล.ปี 2005 ห่วงแทน
“มันเป็นเกมฟุตบอลสองครึ่งเวลาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง” คาร์ราเกอร์ กล่าว
“ครึ่งแรกเตะเหมือนแมตช์เกียรติยศให้ใครสักคน ส่วนครึ่งหลังคือหนึ่งในการหวดลูกหนังที่ดีสุดเกมหนึ่งตั้งแต่เคยดูชปล.รอบแบ่งกลุ่มมา”
“ก็ไม่นานหลังจาก เปแอสเช เปลี่ยนตัว โดยเฉพาะการส่ง เดมเบเล่ ลงสนาม … มันเหมือนที่ เธียร์รี่ อองรี (ผู้ร่วมบรรยาย) บอกไว้ก่อนเกม ว่าไลน์อัพแรกของเทรนเนอร์ หลุยส์ เอ็มรีเก้ ทำไมดูทะแม่งๆ”
“มันรู้สึกเหมือนกั๊กทีมชุดที่ดีสุดไว้ตอนท้าย”
“ซึ่งอย่างที่เราทราบๆกันเกี่ยวกับ แมนฯ ซิตี้ ทั้งในเวทีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และหลายครั้งกรุ๊ป สเตจ ชปล. พวกเขาไม่สามารถยืนระยะต้านทานความเข้มข้นของเกมจนสุดทาง, แพ้ทางบอลถึกเน้นร่างกายปะทะ”
“ครึ่งหลังมันจึงเหมือนฟุตบอลทีมผู้ใหญ่ เปแอสเช รังแกบอลหนุ่มน้อย แมนฯ ซิตี้”
“โชคดีแค่ไหนโดนไปแค่ 4 ลูก มันสมควรออกมาเละกว่านั้น”
ผ่าน 7 จาก 8 แมตช์เดย์ ซิตี้ อยู่ที่ 25 ตามหลังพื้นที่เพลย์-ออฟ 2 แต้ม ดังนั้นต้องส่งท้ายด้วยการชนะ คลับ บรูช (29 ม.ค.) แล้วแช่งทีมพอแซงได้ให้สะดุด
TH SPORTเว็บไซต์ข่าวกีฬา อัพเดทข่าวฟุตบอลต่างประเทศทุกวันทุกเวลา
