ผีทิศทางสับสน!เกลเซอร์หุ้นใหญ่หวงสิทธิไม่คิดขายขาด

สโมสร แมนฯ ยูไนเต็ด ที่กำลังเผชิญความท้าทายทั้งในหรือนอกสนาม คงไม่สิ้นวิบากกรรมง่ายๆเมื่อล่าสุด อัฟราฮัม เกลเซอร์ เจ้าของหุ้นใหญ่บอกไม่มีทางขายส่วนแบ่งไปใครเพิ่มเพราะรู้สึกผูกพัน แน่นอนว่าสร้างความงงงวยแก่ เซอร์จิม แร็ตคลิฟฟ์ หุ้นย่อยที่เปลืองตัวไปเยอะ
ตระกูล เกลเซอร์ เข้ามาเป็นเจ้าของ ‘ปีศาจแดง’ ฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ได้ร่วม 20 ปี ผ่านร้อน, ผ่านหนาวมาหลายรูปแบบ กระทั่งยอมให้ อินีออส สปอร์ตส์ ของ มิสเตอร์ แร็ตคลิฟฟ์ มาร่วมถือหุ้นแบบยอมให้บริหาอรองค์กรในทิศทางที่ต้องการ
แน่นอนเจตนาของอัครมหาเศรษฐีชาวอังกฤษย่อมต้องการเพิ่มสิทธิในการซื้อหุ้นสโมสร ยูไนเต็ด เป็นช่วงๆไป จนกลายเป็นรายใหญ่ ตามวิธีเปลี่ยนผ่านมือเจ้าของ
ทว่า อัฟราฮัม บอกไม่มีความคิดแบบนั้นเนื่องจากผูกพันกับ แมนฯ ยูไนเต็ด กว่า 2 ทศวรรษ
“ไม่…ผมไม่ขาย” อัฟราฮัม กล่าวกับ ‘สกาย สปอร์ตส์’ ระหว่างเดินทางไปเข้าพบปธน.สหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์
นับเป็นท่าทีแข็งกร้าวหลังจากมีรายงานว่าสโมสร แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นหนึ้เพิ่มขึ้นกว่า 1,000 ล้านปอนด์ นับจากตระกูล เกลเซอร์ สวมหัวโขนเจ้าของทีมตั้งแต่ปี 2005 แล้วกว่าสองทศวรรษปัจจุบันถือครองส่วนแบ่ง 69%
หนี้สินที่เพิ่มขึ้นแน่นอนรวมถึงค่าใช้จ่ายเพื่อชดเชยการเลิกจ้างอดีตผจก.ทีม เอริก เทน ฮาก (10.4 ล้านปอนด์) และ อดีตผอ.กีฬา แดน แอชเวิร์ธ (4.1 ล้านปอนด์) รวมกว่า 14.5 ล้านปอนด์ ความผิดพลาดส่วนนี้เกิดในยุค อินีออส สปอร์ตส์
น่าสนใจว่าเซอร์.จิม จะยอมเหนื่อยบริหารสโมสรที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้แห่งนี้ไปอีกนานแค่ไหน เพราะต่อให้ทำดีจนกลับมามีกำไรหรือผลงานบนสนามโดดเด่นแค่ไหน
ก็ยังโดนเจ้าของหุ้นใหญ่เชื้อสายยิวสูบเลือดตักตวงผลประโยชน์อยู่ดี ทั้งที่ไม่ต้องลงแรง
TH SPORTเว็บไซต์ข่าวกีฬา อัพเดทข่าวฟุตบอลต่างประเทศทุกวันทุกเวลา