สโมสรลิเวอร์พูลประกาศ บรรลุข้อตกลงเป็นพันธมิตรระยะยาวกับ อาดิดาส ยักษ์ใหญ่ชุดกีฬาจากเยอรมันอีกครั้ง
นับตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2025 สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลจะสวมเครื่องแบบโลโก้สามแถบอันเป็นเอกลักษณ์เป็นครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์อันโด่งดัง โดยอาดิดาสจะจัดหาชุดแข่งขัน, ชุดฝึกซ้อม และเสื้อผ้าสำหรับสวมใส่ในโอกาสต่างๆ ให้กับทีมชาย หญิง และอคาเดมี่ รวมถึงเจ้าหน้าที่มูลนิธิสโมสรลิเวอร์พูล
ทั้ง ลิเวอร์พูล และ อาดิดาส เป็นพันธมิตรกันในบางยุคที่สโมสรประสบความสำเร็จมากสุด และคว้าถ้วยรางวัลที่น่าจดจำมาครอง ครั้งแรกตั้งแต่ปี 1985 ถึง 1996 และอีกครั้งตั้งแต่ปี 2006 ถึง 2012 ในช่วงเวลาดังกล่าว หงส์แดงสามารถคว้าแชมป์มากมาย รวมถึงแชมป์ลีกสูงสุดในประเทศ 3 ครั้งและแชมป์เอฟเอ คัพ 3 สมัย
ชุดฟุตบอลของอาดิดาสเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จของสโมสรลิเวอร์พูลและถือเป็นชุดฟุตบอลที่แฟนๆ ชื่นชอบมากที่สุดชุดหนึ่ง
บิลลี่ โฮแกน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสโมสรลิเวอร์พูลกล่าวว่า "ทุกคนในสโมสรรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ต้อนรับอาดิดาสกลับสู่ครอบครัวลิเวอร์พูลอีกครั้ง เราประสบความสำเร็จร่วมกันมาอย่างยอดเยี่ยมในอดีตและได้สร้างชุดฟุตบอลของลิเวอร์พูลที่เป็นสัญลักษณ์มากที่สุดตลอดกาล"
"อาดิดาสและลิเวอร์พูลมีความทะเยอทะยานที่จะประสบความสำเร็จร่วมกัน และเรารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมงานกันอีกครั้ง โดยเรามุ่งหวังที่จะสร้างชุดฟุตบอลที่น่าทึ่งมากขึ้นเพื่อช่วยขับเคลื่อนประสิทธิภาพในสนาม เราขอขอบคุณไนกี้สำหรับการสนับสนุนตลอด 5 ปีที่ผ่านมา และขอให้พวกเขาโชคดีในอนาคต"
ทั้งนี้ เดลี่ เมล์ เผยว่า ลิเวอร์พูลกลับมาร่วมงานกับอาดิดาสครั้งนี้ ด้วยสัญญามูลค่า 60 ล้านปอนด์ต่อปี หลังห่างหายไป 13 ปี นับตั้งแต่ปี 2012 หลังเคยอยู่กับไนกี้
ข้อตกลงชุดฟุตบอลที่มีมูลค่าสูงสุด
1. แมนฯ ยูไนเต็ด กับอาดิดาส (2023-2035) 90 ล้านปอนด์ต่อปี
2. แมนฯ ซิตี้ กับพูม่า (2019-2029) 65 ล้านปอนด์ต่อปี
3. ลิเวอร์พูล กับไนกี้ (2020-2026) 60 ล้านปอนด์ต่อปี
4. เชลซี กับไนกี้ (2017-2032) 60 ล้านปอนด์ต่อปี
5. อาร์เซน่อล กับอาดิดาส (2019-2024) 60 ล้านปอนด์ต่อปี
6. สเปอร์สและไนกี้ (2018-2033) 30 ล้านปอนด์ต่อปี
เนื่องจากข้อตกลงจะเริ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม ลิเวอร์พูลจะลงเล่นในชุดปัจจุบันของไนกี้ ในช่วงเริ่มต้นปรีซีซั่น ซึ่งปกติจะอยู่ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ด้วยเหตุผลด้านสัญญา
หงส์แดงกำลังพิจารณาทางเลือกในการทัวร์ปรีซีซั่นที่ญี่ปุ่นและฮ่องกง แม้ยังไม่ได้รับการยืนยันก็ตาม
TH SPORTเว็บไซต์ข่าวกีฬา อัพเดทข่าวฟุตบอลต่างประเทศทุกวันทุกเวลา
