:::     :::

เกร็ดข้อมูลราชันเปิดศึกหงส์ชิงเจ้ายุโรป

วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม 2561
1,893
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง เรอัล มาดริด กับ ลิเวอร์พูล จะลงสนามกันแล้วในวันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคมนี้ และนี่คือข้อมูลน่าสนใจของคู่ชิงเจ้ายุโรปฤดูกาลนี้

* เรอัล มาดริด ลงสนามลุ้นแชมป์สมัยที่ 13 และถ้าทำได้จะเป็นแชมป์ 3 สมัยติด ส่วนลิเวอร์พูลเข้าชิงครั้งแรกรอบ 11 ปี และลุ้นแชมป์สมัยที่ 6 

* แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ 12 สมัย ของมาดริดทำได้ดังนี้ 1956, 1957, 1958, 1959, 1960, (1962), (1964), 1966, (1981), 1998, 2000, 2002, 2014, 2016, 2017

* ชัยชนะที่เคียฟจะทำให้ เรอัล มาดริด เป็นทีมที่ 4 ที่ได้แชมป์รายการนี้สามสมัยติดต่อกัน และเป็นครั้งแรกที่ทำได้สองหนด้วย ครั้งแรกคือช่วงปี 1956-60 และก็มี อาแจ็กซ์ (1971-73), บาเยิร์น มิวนิค (1974-76)

*  ซีเนดีน ซีดาน มีสิทธิ์จะกลายเป็นโค้ชคนแรกที่ชนะถ้วยยูโรเปี้ยน คัพ/ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 ปีติด

* ถ้าได้แชมป์ที่ เคียฟ จะถือเป็นแชมป์สมัยที่ 5 ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (แมนฯ ยูไนเต็ด 2007-08, เรอัล มาดริด 2013-14, 2015-16, 2016-17) และเขาเป็นนักเตะคนที่ 5 ที่ได้เล่นนัดชิง โดย 4 นักเตะที่เหลือมี 3 คนอดีตเล่นให้กับ เรอัล มาดริดคือ ปาโก้ เกนโต้ (นักเตะคนเดียวที่เล่นนัดชิง 6 หน), อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ และ โฆเซ่ มาเรีย ซาร์ราก้า บวกกับอีกคนคือ เปาโล มันดินี่ กับ เอซี มิลาน

* คู่นี้เคยเจอกันมาแล้วในนัดชิงปี 1981 ที่ปารีส ลิเวอร์พูลของ บ็อบ เพสลี่ย์ ชนะ เรอัล มาดริด ของ วูยาดิน บอสคอฟ 1-0 และทำให้พวกเขาได้แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ สมัยที่ 3 ในรอบ 5 ปี ซึ่งชัยชนะครั้งนั้นถือเป็นครั้งเดียวที่สโมสรจากอังกฤษชนะทีมจากสเปนในรอบชิงฯ รายการนี้ โดยที่เหลือทีมจากลา ลีกา ชนะ 3 ไล่ตั้งแต่ บาร์ซ่า ชนะ อาร์เซน่อล 2-1 ปี 2006 รวมถึง 2 หนที่คว่ำปีศาจแดง ปี 2009 (2-0) และ 2011 (3-1) 

* นี่เป็นครั้งที่ 9 ที่อดีตคู่ชิงกลับมาเจอกันอีกหน และเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันด้วย อย่างปีก่อนคู่ชิงระหว่างมาดริดกับยูเว่ก็เคยเจอกันมาแล้วตอนปี 1998 และนี่คือการรีแมตช์หนที่สี่ของมาดริดในรอบชิงฯ ซึ่งสามหนก่อนหน้านั้นชนะรวด โดยคว่ำ สต๊าด เดอ แร็งส์ ปี 1956 และ 1959

*  ถ้านับการเจอกันในถ้วยรายการนี้ทั้งตอนเป็นยูโรเปี้ยน คัพ และแชมเปี้ยนส์ ลีก เจอกันทั้งสิ้น 5 เกมคือ ปี 1981 นัดชิงที่หงส์แดงชนะ 1-0 จากนั้นมาเจอกันในแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมปี 2009 นัดแรกหงส์บุกชนะ 1-0 (ยอสซี่ เบนายูน น.82) และนัดสองกลับมาชนะที่แอนฟิลด์อีก 4-0 รวมสองนัดถล่ม 5-0 โดยได้ประตูจาก เฟร์นานโด ตอร์เรส น.16, สตีเว่น เจอร์ราร์ด (จุดโทษ น.28) และอีกลูก น.47 ส่วนคนปิดท้ายเป็น ดอสเซนา น.88 ก่อนที่ครั้งล่าสุดที่เจอกันคือปี 2014 ยุค เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ลิเวอร์พูล พ่ายทั้งสองเกมนัดแรก คารัง 0-3 (คริสเตียโน่ โรนัลโด้ น.23, คาริม เบนเซม่า น.30 และ 41) ส่วนกลับไปที่ เบร์นาเบว หงส์ก็แพ้อีก 0-1 โดนเบนเซม่ายิงประตูโทน น.2 ในรอบแบ่งกลุ่ม ฉะนั้นถ้านับเป็นเกมหงส์แดงชนะ 3 และแพ้ 2 โดยยิงได้ 6 และเสีย 4 ประตู

* โรนัลโด้ที่ยิงยูเว่ในนัดชิงปีก่อนได้ทำให้เขากลายเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงในนัดชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก 3 ครั้ง ไล่ตั้งแต่ปี 2008 ที่เล่นให้ผีแดง และปี 2014

* ความเก๋าของราชันอยู่ตรงที่ เซร์คิโอ รามอส, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, แกเร็ธ เบล, ลูก้า โมดริช, คาริม เบนเซม่า, ดานี่ การ์บาฆาล, มาร์เซโลน่า และ อีสโก้ ได้เล่นในนัดชิงกับมาดริดมาแล้ว 3 ครั้ง และนี่ลุ้นเป็นหนที่ 4

* เรอัล มาดริด ถือเป็นทีมแรกที่ได้เล่นนัดชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก 3 ปีติด นับแต่ยูเว่ทำได้ในปี 1996 -1998 แต่เบียงโคเนรี่ได้แชมป์หนเดียวจากตอนนั้น

* มาดริดได้แชมป์ที่คาร์ดิฟฟ์ตอนปี 2017 เป็นครั้งที่ 10 ของสโมสรจากสเปน โดยทีมจาอิตาลี, อังกฤษ ได้ 4 ในช่วงที่เป็นแชมเปี้ยนส์ ลีก นี้ และทีมจากเยอรมัน 3 หน 

* ลิเวอร์พูลชนะ 5 จาก 7 ครั้ง ที่ตัวเองชิงในยูโรเปี้ยน คัพ โดยปี 1977 คว่ำ กลัดบัค 3-1 ที่โรม, ปี 1978 ชนะ คลับ บรูช 1-0 ที่ลอนดอน, ปี 1981 ชนะ เรอัล มาดริด 1-0 ที่ปารีส, ปี 1984 ชนะ โรม่า ในการดวลจุดโทษ 4-2 หลัง 120 นาทีเสมอ 1-1 ที่โรม และ 2005 ที่อิสตันบูล เสมอ 120 นาที 3-3 และชนะจุดโทษ 3-2 เหนือ มิลาน โดยสองหนที่ชวดแชมป์คือปี 1985 แพ้ยูเว่ 0-1 และ ปี 2007 แพ้ เอซี มิลาน 1-2

* นี่ถือเป็นการชิงถ้วยของยูฟ่าทุกรายการเป็นหนที่ 20 ของลิเวอร์พูล ขณะที่ มาดริดเป็นครั้งที่ 31 ในทุกรายการ 

* ครั้งสุดท้ายที่เล่นนัดชิงแล้วลิเวอร์พูลแพ้ต่อทีมจากสเปน คือ 1-3 ต่อเซบีย่า ที่บาเซิ่ล ในยูโรปา ลีก ปี 2016 โดยสถิติรอบชิงฯ เจอกับทีมจากสเปนคือชนะ 2, แพ้ 1

* เรอัล มาดริด ผลงานในเคียฟคือ แข่ง 4, ชนะ 1, เสมอ 2, แพ้ 1, ยิงได้ 6, เสีย 7 โดยทั้ง 4 เกมเตะในแชมเปี้ยนส์ ลีก เจอกับ ดินาโม เคียฟ ทั้งหมด

* การพ่ายแพ้ต่อสเปอร์สของมาดริดในรอบแบ่งกลุ่มที่เวมบลีย์ 1-3 เมื่อ 1 พฤศจิกายนเกมนั้นทำให้มาดริดหยุดสถิติไม่แพ้ทีมจากอังกฤษไว้ที่ 12 นัด (ชนะ 8, เสมอ 4) 

* ทีมของ ซีเนดีน ซีดาน ยิง 29 เกมหลังสุดในศึกยุโรป โดยทีมอังกฤษที่ไม่เสียประตูให้กับพวกเขาทีมสุดท้ายคือ เรือใบ ในปี 2016 รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เสมอ 0-0

* สถิติของราชันเจอกับทีมจากอังกฤษคือ ชนะ 15, เสมอ 11 และ แพ้ 11, ยิง 52, เสีย 43  ส่วนสถิติของมาดริดในซีซั่นนี้คือ ชนะ 2, เสมอ 2, แพ้ 2 ยิงได้ 30, เสีย 15 พวกเขาไม่เสียประตูแค่ 3 เกมใน 12 นัด แต่ก็ยิงประตูได้ตลอดใน 27 เกมหลังสุดแชมเปี้ยนส์ ลีก

* โรนัลโด้ตอนนี้ยิงไปทั้งสิ้น 15 ประตูในแชมเปี้ยนส์ ลีก ปีนี้และเป็นท็อปสกอร์อยู่ แต่เขาเคยทำได้ 16 กับ 17 เม็ดในปี 2016 กับ 2014

* สถิติการยิงจุดโทษของ มาดริด ถ้วยยุโรป คือ ชนะ 2, แพ้ 2 โดยปี 1975 แพ้ เร้ด สตาร์ เบลเกรด 5-6 คัพ วินเนอร์ส คัพ รอบก่อนรองฯ, ปี 1987 ชนะ ยูเว่ 3-1 รอบสองยูโรเปี้ยน คัพ,  ปี 2012 แพ้ เสือใต้ 1-3 ในรอบรองฯ แชมเปี้ยนส์ ลีก, ปี 2016 ชนะ ตราหมี 5-3 รอบชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก

* ลิเวอร์พูลในอดีตมาเล่นที่เคียฟ 2 หน ชนะ 1 และ เสมอ 1 ยิงได้ 3, เสีย 2 ตอนนั้นเจอกับ ดินาโม เคียฟ ชนะ 2-1 ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มปี 2002 วันนั้นธอมโม่ คุมทีมเพราะ เชราร์ อุลลิเย่ร์ มีปัญหาสุขภาพ และอีกเกมทีมของราฟา เสมอ 1-1 กับ มัคคาบี้ ไฮฟา ในรอบคัดเลือกรอบสาม ปี 2007

* ภาพรวมของหงส์แดงเจอกับทีมจากสเปนคือ ชนะ 14, เสมอ 12, แพ้ 11, ยิง 46, เสีย 38 แต่พวกเขาชนะแค่เกมเดียวจาก 7 ครั้งหลังนอกเกาะอังกฤษคือวันชนะที่ เรอัล มาดริด ปี 2009 นั่นเอง 

* สถิติลิเวอร์พูลไม่แพ้ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้ยุติลงวันที่บุกแพ้โรม่า รอบรองฯ นัดสอง ที่โรม 2-4 แต่เข้ารอบรวม 7-6 สถิติอยู่ที่ ชนะ 7, เสมอ 4, แพ้ 1 ยิง 40, เสีย 13 โดย สามกองหน้าหงส์แดงยิงรวมกัน 31 ลูกเป็น ซาลาห์ กับ ฟีร์มีโน่ คนละ 11 และ มาเน่ 9 ลูก

* ถ้ารวมรอบคัดเลือก ลิเวอร์พูล ยิง 46 ลูกจาก 14 เกมปีนี้ และเฉลี่ย 3.29 ประตูต่อเกม ดีกว่า บาร์เซโลน่า ที่ทำไว้ 45 เม็ดในปี 2000 ด้วย 

* ส่วนสถิติการยิงจุดโทษของหงส์แดงในถ้วยยุโรปคือ ชนะ 3, แพ้ 1 โดยปี 1984 ในนัดชิงยูโรเปี้ยน คัพ ชนะโรม่า 4-2, ปี 2005 นัดชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก ชนะ เอซี มิลาน 3-2, ปี 2007 รอบรองแชมเปี้ยนส์ ลีก ชนะ เชลซี 4-1, และ ยูโรปา ลีก รอบ 32 ทีม แพ้ เบซิคตัส 4-5 ปี 2015

* เจอร์เก้น คล็อปป์ สถิติการชิงถ้วยตั้งแต่ตอนทำดอร์ทมุนด์ รวมกับหงส์แดง 6 ครั้ง ชนะครั้งเดียว และแพ้ไป 5

* ผู้ตัดสินวันนี้คือ มิโรลัด มาซิซ ชาวเซอร์เบียตัดสินแชมเปี้ยนส์ ลีก มา 34 เกมและถ้วยยูฟ่ารวมคือ 90 นัด โดยตัดสินตั้งแต่ปี 1996 แต่ติดผู้ตัดสินฟีฟ่าปี 2009 เคยผ่านทัวร์นาเมนต์ตั้งแต่ ยู-17 ยุโรป ปี 2009, ยู-21 ยุโรป ปี 2011, ยู-20 ชิงแชมป์โลกปี 2013, ฟุตบอลโลกปี 2014 และ ยูโร 2016 แถมเคยตัดสินนัดชิงยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ปี 2016 ด้วย 


TH SPORTเว็บไซต์ข่าวกีฬา อัพเดทข่าวฟุตบอลต่างประเทศทุกวันทุกเวลา

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})