'รอม'รับเคยจนถึงขั้นผสมน้ำกับนมดื่ม

'รอม' ซึ่งเตรียมลงสนามรับใช้ เบลเยียม ในฟีฟ่า เวิลด์ คัพ 2018 นัดแรกกลุ่ม จี พบกับ ปานามา (18 มิ.ย.) ความยากลำบากในวัยเด็กช่วยขัดเกลาความแกร่งของใจ จนกลายเป็นแข้งนักสู้เยี่ยงทุกวันนี้ 

"ตอนอายุ 6 ขวบ โรงเรียนให้กลับมาทานอาหารกลางวันที่บ้าน คุณแม่เตรียมอาหารเหมือนเดิมทุกวัน ขนมปังและนม ตอนที่คุณเป็นเด็กคุณไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ แต่ผมเดาว่านั่นคืออาหารที่เราพอจะซื้อไหว" แข้งวัย 25 กะรัต เขียนเปิดใจกับ 'เดอะ เพลเยอร์ส ทริบรูน' ของสหรัฐฯ 

พี่-น้อง ลูกากู เคยถึงแตกมาก่อนในวัยเด็ก

"มีวันหนึ่งที่ผมกลับบ้านแล้วเดินเข้าไปในครัว เห็นคุณแม่ยืนอยู่ตรงตู้เย็นพร้อมกล่องนมเหมือนปกติ แต่ครั้งนี้เธอผสมบางอย่างเข้าไปด้วย เธอเขย่าขวดนม  ผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นเธอนำอาหารกลางวันมาให้พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ แต่ผมตระหนักได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น"

"เธอผสมน้ำเปล่าลงไปกับนม เราไม่มีเงินมากพออยู่รอดไปทั้งอาทิตย์ พวกเราถังแตก ไม่ใช่แค่จนนะ แต่ถังแตก"

"คุณพ่อของผมเป็นนักฟุตบอลอาชีพแต่เขาอยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการค้าแข้งซึ่งเงินก็หมดไปแล้ว สิ่งแรกที่เราเอาไปขายคือทีวี ไม่มีฟุตบอลดูอีกแล้ว ไม่ได้ดูรายการแมตช์ ออฟ เดอะ เดย์อีกแล้ว ไม่มีสัญญาณแล้ว"

"จากนั้นผมกลับมาบ้านตอนกลางคืนพร้อมความมืดสนิท ไม่มีไฟฟ้าใช้ครั้งละ 2-3 สัปดาห์ อยากจะอาบน้ำแต่ก็ไม่มีน้ำร้อน แม่จะต้มน้ำด้วยกาส่วนผมยืนอาบน้ำใช้แก้วเทราดหัว"

มาวันนี้ รอม คือความภูมิใจของคนทั้งชาติเบลเยียม ฐานะก็ดีขึ้น

"ผมรู้ว่าชีวิตพวกเราลำบาก แต่ตอนที่แม่ผสมน้ำเปล่าเข้ากับนม ก็รู้ทันทีว่าพวกเราเข้าตาจน นี่แหละชีวิตของเรา"

กับปัจจุบัน ลูกากู ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ทั้งเขาและน้องชายกลายเป็นนักเตะอาชีพ มีรายได้เหลือเฟือสำหรับดูแลทั้งคุณแม่และคุณพ่อ