สมชาย ชวยบุญชุม กุนซือชื่อดังออกโรงชี้ชัดฟุตบอลทีมชาติไทย ยังจำเป็นต้องพึ่งบารมีของผู้จัดการทีม ยันไม่ได้มีหน้าที่แค่ควักกระเป๋าตังค์ แต่ยังช่วยอำนวยความสะดวกและต่อรองกับสโมสรต้นสังกัดในการขอใช้งานนักเตะ ชี้ "พี่เปี๊ยก" สมศักดิ์ ศิริธรรม คือผจก.ทีมตัวอย่างที่ไม่เคยก้าวก่ายเรื่องแท็กติก
หลังจากที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในยุคบริหารจัดการโดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็นนายกสมาคม ได้ทำการสังคายนาทีมชาติไทยด้วยการเลิกใช้ระบบผู้จัดการทีมอย่างที่เคยเป็นมาในอดีต เหตุเพื่อป้องกันปัญหาระบบเด็กเส้นและก้าวก่ายหน้าที่การทำงานของโค้ช และเพื่อให้เหมือนระบบสากลที่ผจก.ทีมจะมีหน้าที่เพียงคอยอำนวยความสะดวกให้กับทีมชาติเท่านั้น
ทว่าในทัวร์นาเม้นต์ล่าสุด ศึกเอเอฟซี ยู-23 แชมเปี้ยนชิพ รอบสุดท้ายที่ประเทศจีน ซึ่งผลปรากฎว่าทีมชาติไทยแพ้รวดทั้ง 3 นัดไม่มีคะแนน อีกทั้ง โซรัน ยานโควิช และสตาฟฟ์โค้ช รวมถึงแฟนบอล ยังบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า หนึ่งในปัญหาสำคัญคือการขาดความร่วมมือจากสโมสรต้นสังกัดของนักเตะ ที่ไม่ยอมปล่อยแข้งคนสำคัญให้เนื่องจากติดช่วงพรีซีซั่นของสโมสร รวมไปถึงฟุตบอล 19 ปีชิงแชมป์ประเทศไทย "โค้ก คัพ" อีกด้วย
เรื่องนี้ "น้าฉ่วย" สมชาย ชวยบุญชุม อดีตกุนซือทีมชาติไทยชุดยู-19 และสโมสรดังอีกมากมาย เผยกับ THSPORT โดยชี้ว่าทีมชาติไทยยังจำเป็นต้องมีผู้จัดการทีมที่เข้ามาช่วยเป็นล็อบบี้ยิสต์ในการพูดคุยกับสโมสรต่างๆ สร้างคอนเน็คชั่น เพื่อความร่วมมืออย่างเป็นมิตร อีกทั้งผู้จัดการทีมที่ดีที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับงานของโค้ชก็มีเช่นกัน พร้อมยก "พี่เปี๊ยก" สมศักดิ์ ศิริธรรม อดีตผจก.ทีมชาติไทย ชุดยู-19 รุ่นที่ "น้าฉ่วย" คุม รวมไปถึงชุดซีเกมส์และเอเชียนเกมส์ ในยุคของ "โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อีกทั้งทีมฟุตซอลทีมชาติไทย ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับผู้จัดการทีมที่มีคุณประโยชน์กับทีมชาติไทยอย่างยิ่ง
"คนมักจะมองกันไปว่าผู้จัดการทีมก็แค่คนควักกระเป๋าจ่ายเงิน และก็เข้ามายุ่มย่ามเลือกผู้เล่นเปลี่ยนตัวนักเตะแทนโค้ช แต่ผู้จัดการทีมดีๆ ก็มีนะ อย่างพี่เปี๊ยกเขาจะคอยพูดคุยกับสโมสรที่มีนักเตะที่เราต้องการเรียกมาอยู่ตลอด สมัยผมคุมยู-19 รุ่น ชนาธิป, ธนบูรณ์, ฐิติพันธ์ ฯลฯ ที่เราชนะเกาหลีใต้เสมอญี่ปุ่นได้ กว่าผมจะได้ชนาธิปมาเล่นไม่ใช่ง่ายๆ เลย ผมบอกพี่เปี๊ยกว่าเด็กคนนี้ผมขอจริงๆ ต้องเอามาเล่นให้ได้ แล้วทางพี่เปี๊ยกก็ไปขอทางสโมสรจนได้มา"
"แล้วชุดนี้เนี่ยแหละก็มาได้แชมป์ซีเกมส์ได้ที่4เอเชียนเกมส์ ตอนที่ซิโก้คุม แล้วรู้มั้ยว่าพี่เปี๊ยกก็เป็นผู้จัดการทีมด้วย แกไม่ได้เป็นนักการเมือง ไม่ได้ทำธุรกิจใหญ่โต ก็เลยไม่ค่อยออกหน้ามารับผลงาน จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าผู้จัดการทีมชุดนั้นเป็นใคร ถ้าไม่ใช่นักข่าวอย่างพวกน้องก็คงไม่รู้หรอก"
"ผมมองว่าทุกวันนี้ผู้จัดการทีมก็ยังมีความจำเป็นนะ ไม่งั้นก็คงไม่มีใครไปช่วยต่อรองกับสโมสรที่จะขอนักเตะมาติดทีม ไอที่ว่าฟีฟ่าเดย์มีกฎว่าต้องปล่อยผู้เล่นอะ มันใช้ไม่ได้กับคนไทยหรอก หาวิธีเลี่ยงได้หมดล่ะ เพราะนักเตะเองถึงจะอยากเล่นทีมชาติแต่ก็ต้องเกรงใจสโมสรอยู่ดี เพราะกินเงินเดือนเค้า แล้วยังมีพวกค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอีกที่ผู้จัดการทีมเขาคอยดูแลให้ อย่างพวกค่ายาเวลานักบอลป่วย หรืออุปกรณ์ฝึกซ้อมเพิ่มเติมเนี่ย ถ้าสมาคมหาคนมาดูแลทุกเรื่องได้หมดจริงๆ ก็ค่อยเลิกใช้ระบบผู้จัดการทีมก็ได้" น้าฉ่วยกล่าว
