มาดามฮาย ยื่นประท้วงต่อเอเอฟซี หลัง เชียงราย ยูไนเต็ด อดเปลี่ยนตัวเพราะป้ายไฟเสีย
ในเกมที่ เชียงราย ยูไนเต็ด ประเดิมสนามศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2021 รอบแบ่งกลุ่ม ที่พ่ายต่อ ชนบุค ฮุนได มอเตอร์ส ไป 1-2 ปรากฏว่า "กว่างโซ้งมหาภัย" ต้องเสียโควต้าเปลี่ยนตัวสุดท้ายไป เนื่องมาจากการเปลี่ยนตัวครั้งแรก ที่จะส่ง เอกนิษฐ์ ปัญญา และโชติภัทร พุ่มแก้ว ลงไปพร้อมกันปรากฏว่าเกิดเหตุป้ายไฟเสีย ทำให้นักเตะลงสนามคาดเคลื่อนกัน จนกลายเป็นการใช้โควต้าเปลี่ยนตัว 2 ครั้ง ส่งผลต่อการแก้เกมของทีมตัวแทนจากไทย ซึ่ง "มาดามฮาย" ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช ประธานสโมสรได้ร่ายยาวว่า
"สิ่งที่ติดใจไม่ใช่ผลการแข่งขันเพราะเราทำเต็มที่ที่สุดในสถานการณ์เฉพาะหน้าแล้วค่ะ ฮายไม่เคยคิดว่าป้ายไฟเปลี่ยนตัวจะเป็นที่มาของปัญหาเพราะที่สิงห์สเตเดียม เราก็เปลี่ยนไปใช้ป้ายไฟทั้งหมดตามมาตรฐานสากล"
"ปัญหาที่เกิดขึ้นและฮายต้องออกมาชี้แจง นั่นก็คือป้ายไฟเปลี่ยนตัวไม่ทำงานจำนวน 1 ป้าย จาก 2 ป้าย ระหว่างที่เราเปลี่ยนตัวครั้งแรก ทำให้สุดท้ายเราเสียโควตา การเปลี่ยนตัวไปหนึ่งครั้งฟรีๆ"
"หลังจบการแข่งขัน ฮายต้องเข้าไปคุยกับ Match Commissioner และต้องกรอกแบบฟอร์มการประท้วงค่ะ ระหว่างการแข่งขันไม่สามารถทำอะไรได้เลย เราทราบดีอยู่แล้วว่า หลังจบการแข่งขัน มันยากมากหรือแทบจะไม่มีทางที่จะเปลี่ยนผลการแข่งขันได้เลย แต่สิ่งที่เราต้องการก็คือ การปรับปรุงแก้ไขมาตรฐานการจัดการแข่งขัน ซึ่งเราจะต้องแข่งอีก 5 นัดที่นี่"
"ในวันนี้เราวางแผนจะเปลี่ยนตัวผู้เล่นทั้งหมด 5 คน ภายใน 3 ครั้ง ตามกฎทุกประการ ในครั้งที่หนึ่ง คือต้องการเปลี่ยน โชติภัทร และเอกนิษฐ์ ลงพร้อมกัน แต่ปัญหาที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ป้ายไฟใช้ได้เพียง 1 ป้าย อีก 1 ป้าย ไฟไม่ติด
ทำให้ผู้ตัดสินที่ 1 อนุญาตให้โชติภัทรลงไป และให้เกมดำเนินต่อ ส่วนผู้ตัดสินที่ 4 ได้ยืนยันกับเราว่า เป็นความผิดพลาดทางเทคนิค และเราสามารถเปลี่ยนตัวได้อีก 2 ครั้ง หลังจากที่อนุญาตให้เอกนิษฐ์ลงสนามไปแล้ว นี่ถือเป็น โควตาการเปลี่ยนตัวครั้งแรก ซึ่งเข้าใจตรงกันระหว่างผู้ตัดสินและเรา"
"สำหรับในการเปลี่ยนตัวครั้งที่สอง แผนของเราคือการเปลี่ยนจอนาตา เพียงคนเดียว โดยผู้จัดการทีมของเราได้ย้ำถามผู้ตัดสินที่ 4 ชัดเจนอีกครั้งว่านี่คือการเปลี่ยนตัวครั้งที่ 2 และผู้ตัดสินที่ 4 ยืนยันอีกครั้ง ฮายนั่งอยู่ข้างบนก็ได้ยินชัดเจน"
"ต่อมา เราต้องการเปลี่ยนตัวครั้งที่สามโดยจะให้ ศราวุธ และ สมคิด ลงไปพร้อมกัน ซึ่งทั้งผู้ตัดสินที่ 4 และผู้จัดการทีมของเรา เข้าใจตรงกันว่าทำได้ แต่ระหว่างกำลังเตรียมตัวนั้น มีเจ้าหน้าที่ซึ่งมีตำแหน่งเป็น Venue Manager มาแจ้งสโมสรว่า เราได้ใช้โควตาเปลี่ยนตัวครบแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนได้อีกแล้ว ซึ่งเท่าที่สโมสรเข้าใจ คนที่มีอำนาจในเรื่องนี้จะต้องเป็น Referee Assessor คือ ผู้ประเมินผู้ตัดสิน ที่เป็นคนที่มีอำนาจหน้าที่ที่แท้จริง (พรุ่งนี้ต้องไปนั่งอ่านกฎและระเบียบใหม่ทั้งหมดค่ะ) นอกจากนี้ Venue Manager ยังแจ้งอีกว่า หากเราฝืน จะทำให้กลายเป็นเราเปลี่ยนตัวเกินจำนวนครั้งที่กำหนด และจะต้องถูกปรับแพ้ในสกอร์ 3-0 ซึ่งในเวลานั้น สกอร์ของคู่เราคือ 2-1 ทำให้การตัดสินใจเฉพาะหน้าของทีมงาน นั้นเลือกที่จะไม่เสี่ยงเปลี่ยนตัวนักกีฬาอีกครั้ง"