:::     :::

สินทวีชัยชี้อบรมโค้ชช่วยให้ถ่ายทอดวิชาได้ง่ายขึ้น

วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564
655
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
รู้ก่อนใคร ลึกกว่าใคร ข่าวบอลไทย ต้องที่ THSPORT

สินทวีชัย หทัยรัตนกุล : การอบรมโค้ชเปรียบเหมือนการปิดทองหลังพระ และคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาฟุตบอลไทย

ตามที่สมาคมฯ ได้จัดอบรมผู้ฝึกสอน ตลอดช่วงที่ผ่านมา ได้มีอดีตนักกีฬาในระดับไทยลีก หรือระดับทีมชาติมากมายที่เข้าร่วมการอบรม
และหนึ่งคนทีถือเป็นนักเตะระดับตำนานของทีมชาติไทย อย่าง สินทวีชัย หทัยรัตนกุล ก็ถือเป็นอีกหนึ่งคนที่เห็นถึงการต่อยอด แม้ปัจจุบัน จะยังคงเฝ้าเสาให้กับสโมสรเมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด ทีมในระดับ M-150 แชมเปี้ยนชิพ (ไทยลีก 2) แต่ก็ได้วางแผนในระยะยาว ในการเข้าร่วมการอบรมโค้ช 
เพราะสำหรับนักฟุตบอล ซูเปอร์ตี๋เองก็ทราบดีถึงความสำคัญของการอบรมผู้ฝึกสอน เพื่อไปถ่ายทอดและต่อยอดในการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย
"ด้วยวัยของผม ที่อายุเยอะแล้ว มันคือปลายทางของการเป็นนักฟุตบอลอาชีพแล้ว เราก็เลยต้องมองหาจุดต่อยอด หลังจากที่เราเลิกเล่นฟุตบอล สำหรับตัวผมเองก็มีประสบการณ์โดยตรงจากการเล่น แต่การเป็นผู้ฝึกสอน ความรู้คือเรื่องสำคัญ มันทำให้เราคิดว่าเมื่อเวลามันเหมาะสมแล้ว ผมก็อยากเรียนรู้สิ่งใหม่ เพือนำประสบการณ์ทีเรามีมาถ่ายทอดให้นักฟุตบอลรุ่นใหม่ให้ได้มากที่สุด" สินทวีชัย หทัยรัตนกุล อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติไทย กล่าวเริ่ม
"ถ้ามองเรื่องแรงบันดาลใจ เราได้ร่วมงานกับโค้ชประตูหลายคน หลายครั้งการหาโค้ชประตูที่ถ่ายทอดให้เราเข้าใจ เป็นเรื่องที่ไม่ง่าย อย่างเช่นการพุ่งรับลูกเรียด หรือลูกโด่งต้องทำอย่างไรบ้าง สมัยก่อน ไม่มีหลักการไม่มีความรู้ ทำได้แค่ดูว่าเขาทำอย่างไร แล้วมาลอกเลียนแบบ แต่ตอนนี้ฟุตบอลมันพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ทุกอย่างมันมีหลักการ เราได้เห็นหลายคนไปอบรม และสามารถถ่ายทอด และยกระดับผู้รักษาประตูชาวไทย พอเราเห็นว่าเขาได้ไปอบรมและมาถ่ายทอดได้เข้าใจมากขึ้น เราก็อยากเป็นเหมือนกับเขา มันเลยสำคัญที่เราจะเข้ามาอบรม เพื่อให้ได้รู้"
"เป้าหมายของผมตอนนี้ คืออยากไปทีละขั้นตอน หลังจากที่ได้ผ่านอบรม ซีไลเซนส์ เราได้ฝึกนำเสนอ และได้สอนเด็กๆเยาวชนอยู่บ้าง ควบคู่กับการเล่นไปด้วย และเราก็เริ่มลงรายละเอียดมากขึ้น เมื่อมาถึงระดับ บีไลเซนส์ ตรงนี้ผมมองว่าสเต็ปนี้ ผมอยากเอามันไปใช้จริงให้ได้มากที่สุด ปรังปรุงแก้ไข ติดตามว่าเราทำสิ่งต่างๆ ออกมาได้ดีมากน้อยแค่ไหน เพื่อพัฒนาต่อยอด ไปเอไลเซนส์ และโค้ชประตูในระดับต่อไป"
"ตัวเรามีประสบการณ์ เราอยากเอาสิ่งที่เราได้พบเจอมา บางอย่างทั้งชีวิตเจอแค่ครั้งเดียว ผมอยากส่งต่อสิ่งเหล่านี้ให้กับคนรุ่นใหม่ และเปิดรับกับสิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะตำแหน่งผู้รักษาประตู ผมก็อยากให้มีวิทยากร และโค้ชผู้รักษาประตูที่มีคุณภาพมากกว่านี้อีกเยอะๆ เพื่อยกระดับนักเตะในตำแหน่งนี้"
"การอบรมโค้ช ผมมองว่ามันคือหัวใจของการสร้างนักฟุตบอล เพราะนักฟุตบอลถ้าไม่มีโค้ชก็ไม่มีเป้าหมาย และได้ฝึกแบบทุกต้อง การมีโค้ช คือคนที่ให้คำแนะนำ ขัดเกลาให้กับเขา และถ้าโค้ชไม่มีองค์ความรู้มากพอ การถ่ายทอดก็อาจจะผิด และพัฒนาได้ช้า ถ้าหากเรามีบุคลากรที่ผ่านการอบรม ที่มีคุณภาพ มันก็จะต่อยอดไปถึงนักฟุตบอล เยาวชน ตรงนี้มีประโยชน์โดยตรงกับวงการฟุตบอลไทย แม้ปัจจุบันเราไปดูจะมีนักฟุตบอลในปริมาณที่มากขึ้น แต่ถ้าเราได้ลองเปรียบเทียบกับชาติชั้นนำในเอเชีย เรายังเทียบเท่าไม่ได้"
"ผมอยากชื่นชมสมาคมฯ ในเรื่องอบรมโค้ช ที่เป็นเหมือนการปิดทองหลังพระ นี่คือหัวใจของวงการฟุตบอลไทย หัวใจของการพัฒนา ในตอนนี้ทุกอย่างมันดีอยู่แล้ว ผมเองก็ได้พูดคุยกับโค้ชหลายคน ทุกคนต่างอยากเข้าอบรม ผมเชื่อว่าทางสมาคมฯ ก็ได้พยายามที่จะเพิ่มปริมาณ และกระจายไปทั่วทุกภูมิภาค เพราะถ้ามีมากขึ้นก็จะตอบโจทย์ เรื่องการพัฒนาฟุตบอลในส่วนของรากฐาน"
สำหรับผู้ฝึกสอนที่จบหลักสูตรระดับ “บี ไลเซนส์” จะสามารถทำหน้าที่ในระดับอาชีพ อาทิ การเป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอนในระดับ โตโยต้า ไทยลีก (ไทยลีก 1) หรือ การเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ในระดับ M-150 แชมเปี้ยนชิพ (ไทยลีก 2)
จากนั้นเมื่อมีประสบการณ์ทำงานครบ 1 ปี ในการทำหน้าที่ สามารถเข้าอบรมหลักสูตรผู้ฝึกสอนในระดับ “เอ ไลเซนส์” หรือ AFC 'A' Certificate Coaching Course ได้ต่อไป


TH SPORTเว็บไซต์ข่าวกีฬา อัพเดทข่าวบอลไทยทุกวันทุกเวลา

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด