"โค้ชเอ๋"แนะโต๊ะเล็กไทยน่าลองใช้โค้ชบราซิล
พัทยา เปี่ยมคุ้ม อดีตนักเตะและกุนซือทีมชาติ ชี้โต๊ะเล็กไทยกำลังอยู่ในวังวนของโค้ชสเปน ที่หมุนเวียนทำงานอยู่ในเอเชีย ซึ่งแต่ละคนรู้ไสู้้รู้พุงกันหมดแล้ว แนะหันไปใช้โค้ชชาติอื่นบ้าง หรือหากจะผลักดันโค้ชไทยเช่น "โค้ชหมี" ก็ต้องให้ชัดเจนว่าไม่ทับซ้อนกับการทำงานให้สโมสร
"โค้ชเอ๋" พัทยา เปี่ยมคุ้ม กุนซือสโมสร "กุ้งสายฟ้า" สุราษฎร์ธานี แห่งศึกไทยแลนด์ฟุตซอลลีก ซึ่งเป็นทั้งอดีตกุนซือทีมชาติไทย, ทีมชาติเวียดนาม และผู้เล่นทีมชาติไทย วิเคราะห์ผลงานของโต๊ะเล็กไทยหลังจบศึกชิงแชมป์เอเชียว่ากำลังยึดติดกับความสำเร็จในอดีตของ โฆเซ่ มาเรีย ปาซอส เมนเดส หรือ ปูลปิส แต่ฟุตซอลในยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว อีกทั้งกุนซือเชื้อสายสแปนิชหลายรายมาหมุนเวียนทำงานอยู่ในทวีปเอเชียไม่ว่าจะเป็น มิเกล โรดริโก้ ที่เคยคุมทีมชาติญี่ปุ่น, ไทย แล้วล่าสุดไปคุม เวียดนาม ขณะที่ บรูโน่ การ์เซีย ฟอร์โมโซ่ กุนซือญี่ปุ่นคนปัจจุบันก็โยกมาจากคุมเวียดนาม แม้กระทั่ง ปูลปิส ก็เพิ่งหวนกลับมาคุมทีมชาติไทยอีกครั้งหลังไปทำงานให้อุซเบกิสถาน ซึ่งมาทำงานในเอเชียด้วยการชักชวนแนะนำกันเอง และต่างคนต่างรู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว
"โค้ชพวกนี้เขาเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น เขาชักชวนกันมาทำงานในเอเชีย แล้วก็วนอยู่แค่นี้เขาก็มีสัญญาใจต่อกัน ถามหน่อยว่าเขาคุยอะไรกันเราจะรู้มั้ย พวกนี้เขารู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว อย่างปูลปิสเองข้อดีก็คือเป็นคนที่เก็บรายละเอียดเยอะมาก แต่ก่อนเขาจะออกแอคชั่นข้างสนามมากกว่านี้ ตอนนี้เขาอาจจะปรับลดลงให้เข้ากับวัฒนธรรมคนไทย แล้วเขาเป็นอดีตผู้รักษาประตูก็จะโดดเด่นในเรื่องเกมรับ แต่ตอนนี้เกมรับของไทยมีช่องโหว่เยอะมาก เพราะขาดผู้เล่นที่เป็นคีย์แมนในการเล่นรับ ผมว่าถ้าจะจ้างโค้ชต่างชาติก็น่าจะลองจากประเทศอื่นอย่างพวกบราซิล หรือ อาร์เจนติน่า ก็ได้ แต่ถ้าจะลองโค้ชไทยก็มีอยู่ไม่กี่คนที่น่าจะขึ้นมาได้ โค้ชหมี (รักษ์พล สายเนตรงาม) ถ้าจะดันขึ้นมาก็อยากให้เขาทำทีมชาติอย่างเดียว ไม่ต้องทำสโมสร เพราะไม่งั้นก็จะมีข้อครหาได้ว่าทับซ้อนกัน คือถ้าใครทำสโมสรก็ต้องแยกจากทีมชาติให้ชัดเจน" โค้ชเอ๋กล่าว
นอกจากนี้อดีตนักเตะทีมชาติไทยชุดลุยฟุตซอลโลก 2 สมัยยังกล่าวอีกว่า วิธีการเล่นของไทยถูกคู่ต่อสู้ศึกษาและอ่านทางออกหมดแล้ว โดยเฉพาะ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง, กฤษดา วงษ์แก้ว และ จิรวัฒน์ สอนวิเชียร 3 สตาร์ของทีม "ช้างศึก" ที่แค่จับบอลก็รู้แล้วว่าจะเล่นยังไงต่อไป และถูกจับตายได้ง่ายเพราะขุมกำลังชุดแรกกับชุดสองคุณภาพต่างกันเยอะ
"ช้าง, อาร์ม, เนิร์ส 3คนนี้ฟุตซอลทั่วโลกเขารู้ัจักหมดแล้ว เราบอกว่าเราศึกษาคู่ต่อสู้แล้วไม่คิดหรอว่าคู่ต่อสู้ก็ศึกษาเราเหมือนกัน เรามีอาวุธหลักอยู่แค่ 3 คนนี้แล้วตัวสำรองก็ยังไม่สามารถทดแทนได้เลย ถ้า 3 คนนี้เล่นไม่ได้ก็จบแล้วทีมไทย ทั้ง 3 คนก็ต้องเพิ่มความหลากหลายให้มากขึ้นด้วย ต้องมีไฟมีการพัฒนาตัวเอง ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมีการแข่งขันภายในทีม ต้องมีเด็กรุ่นใหม่ขึ้นมากดดันบ้าง ถ้าเราไม่ลองใช้เด็กพอหมดชุดนี้ก็ต้องมาตั้งต้นสร้างทีมกันใหม่อีก อย่างตอนซีเกมส์หรือชิงแชมป์อาเซียนเราประกาศว่าจะใช้ยู-23 แต่สุดท้าย ช้าง, อาร์ม เนิร์ส ก็ถูกเรียกไปติดโดยใช้คำว่าไปประคองรุ่นน้อง แล้วพอไปก็เป็นตัวหลักอีก แบบนี้เด็กรุ่นใหม่จะไปหาประสบการณ์จากที่ไหนกัน" โค้ชเอ๋ร่ายยาว