:::     :::

บุรีรัมย์เปิดตัว26พันธมิตรหนุนฟุตบอล-อีสปอร์ต

วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม 2565
11,096
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
รู้ก่อนใคร ลึกกว่าใคร ข่าวบอลไทย ต้องที่ THSPORT

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดตัวพันธมิตรลูกหนัง และอีสปอร์ต 26 แบรนด์ "ลุงเน" เนวิน ชิดชอบ มุ่งเน้นสร้างเด็กอะคาเดมีสู่ชุดใหญ่ พร้อมดันแข้งลูกเจี๊ยบฝึกวิทยายุทธนอกประเทศ

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีสปอร์ต จัดงานเปิดตัวผู้สนับสนุนจำนวน 26 แบรนด์ ในการผนึกกำลังเพื่อการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกฤดูกาล 2022/23 และการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตอย่างยิ่งใหญ่ ที่แคมป์สนามฝึกซ้อมสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ พร้อมแสดงศักยภาพในการพัฒนานักฟุตบอลระดับเยาวชน จากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อะคาเดมี ที่สามารถขึ้นไปทดแทน ผู้เล่นชุดใหญ่ได้ในอนาคต โดยได้รับเกียรติจากนายเนวิน ชิดชอบ ในฐานะประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กล่าวเปิดงาน และพูดถึงเป้าหมาย รวมถึงแสดงวิสัยทัศน์ของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่จะมีขึ้นในปี 2022/23 พร้อมด้วยนายไชยชนก ชิดชอบ ประธานบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีสปอร์ต, นายชนน์ชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเยาวชน สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ประธานสโมสรปราสาทสายฟ้า กล่าวว่า “เป้าหมายของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดของเราต่อจากนี้ ก็คือการป้องกันแชมป์ทั้ง 3 แชมป์ ซึ่งการรักษาแชมป์มันสำคัญกว่าการเป็นแชมป์ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นทีมเดียวในเอเชียที่สามารถคว้าแชมป์ 3 แชมป์ต่อหนึ่งฤดูกาลได้ถึง 4 ครั้ง และในการเจอบีจี ปทุม ยูไนเต็ด วันที่ 4 กันยายนนี้ จะขอล้างตาให้ได้”
“พวกเราเชื่อว่าการทำทีมฟุตบอลไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนได้ ก็อยู่ที่การสร้างคน ให้เป็นคน และสำคัญที่สุดคือการสร้างวินัย ไม่เคยเชื่อมาก่อนว่าฟุตบอลจะประสบความสำเร็จได้ เฉพาะพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่ผมเชื่อว่าการเป็นมนุษย์ พรแสวงสำคัญที่สุด”
“ปีนี้เรามีเด็กอะคาเดมี มากกว่า 140 คน ปีที่แล้วเรามี 200 กว่าคน ค่าใช้จ่ายต่อคน ต่อปี อยู่ที่ประมาณ 300,000 บาท เพราะเราต้องรับผิดชอบทั้งที่นอน อาหาร การเรียน ทั้งหมดทุกอย่าง”
“เมื่อเดือนที่ผ่านมาทีมเราส่ง ศุภชัย ใจเด็ด, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และรัตนากร ใหม่คามิ ไปร่วมฝึกซ้อมกับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษถึง 40 วัน พอกลับมาประเทศไทย เราเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาในการฝึกซ้อมของทีมเรา ยังไม่เข้มข้นเพียงพอ เพราะฉะนั้นมาตรฐานฟุตบอลไทย จะก้าวหน้าไปเป็นเจ้าเอเชีย หรือไปแข่งขันในฟุตบอลโลก ผมมองว่ายังเป็นเรื่องที่พูดได้ แต่ทำไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่คนที่พูดไม่ใช่คนที่มาทำฟุตบอลจริง ๆ”
“เราได้เห็นแล้วว่าการส่งเด็ก ๆ ไปฝึกซ้อมที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่รุ่นแรกคือ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน, ยศพล เทียงดาห์ กลับมาก็สามารถรักษาการเล่นจนติดทีมชาติไทยมาอยู่ตลอด เพราะฉะนั้นจากนี้ไป ในทิศทางของเรากับการพัฒนาฟุตบอล พร้อมจะส่งศุภชัย ใจเด็ด, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และรัตนากร ใหม่คามิ กลับไปฝึกเลสเตอร์ ซิตี้ อีกครั้ง ในช่วงพักเลกไทยลีก เพื่อเรียนรู้ และเชื่อว่าจะกลับมาเป็นกำลังสำคัญของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และทีมชาติไทยได้อย่างแน่นอน”
“8 เยาวชน ที่ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ จากอะคาเดมี ประกอบไปด้วย ภัทร สร้อยมาลัย, ธีรภักดิ์ เปรื่องนา, ธนดล ขาวสะอาด, ภูมิวรพล วรรณบุตร, ธนิศร ไพบูลย์กิจเจริญ, พงศกร หาญรัตนะ, ธวัชชัย อินทร์ประโคน และเสกสรรค์ ราตรี จะมี 4 คนที่ผมจะส่งไปร่วมฝึกซ้อมกับทีมคอนซาโดเล ซัปโปโร ที่ประเทศญี่ปุ่น ในเดือนกันยายนนี้ เพื่อจะกลับมาช่วยทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และเป็นอนาคตของประเทศไทย”
ทั้งนี้นายเนวิน ชิดชอบ กล่าวต่อว่า “ได้มีการแจ้งกับนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยแล้วว่า ต่อไปนี้บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะไม่ส่งผู้เล่นที่มีอายุต่ำกว่า 19 ปี ไปร่วมแคมป์ทีมชาติไทยอีก เพราะที่ผ่านมา ทีมเราได้ปล่อยนักเตะเยาวชนเหล่านี้ไปร่วมทีมชาติ พอกลับมาแคมป์บุรีรัมย์ กลับเจอบุหรี่ไฟฟ้า เจอสิ่งที่ไม่ดี กลับมาแล้วขาดวินัย ทั้งที่ตอนที่อยู่กับเรามีวินัยดี แต่พอไปทีมชาติ ไปเจอเพื่อนมากมาย ที่มาจากหลายสโมสร หลายโรงเรียน ทำให้วินัยหายไป ผมเลยลงโทษไม่ให้ซ้อมฟุตบอล ให้ดูเพื่อน ๆ ซ้อม เป็นเวลา 3 สัปดาห์ เพื่อเตือนสติ”
ในขณะที่นายไชยชนก ชิดชอบ เผยว่า “ในส่วนของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีสปอร์ต ผลงานที่ผ่านมา ถ้าเทียบกับมาตรฐานของบุรีรัมย์แล้ว ถือว่ายังดีไม่พอ เพราะว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จของนักกีฬาค่อนข้างมากในปีที่ผ่านมา ทำให้นักกีฬาอยู่ภายใต้ความกดดัน ทำให้มีปัญหาที่ทำให้ผ่อนลง แต่อย่างไรก็ดีก็ยังมีผลงานติดท็อป 3 ทั้งหมด เพียงแค่เทียบกับมาตรฐานบุรีรัมย์แล้ว ถือว่าไม่เพียงพอ”
ด้านนายชนน์ชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเยาวชน กล่าวต่อว่า “การทำฟุตบอลระดับเยาวชนไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเรามี 143 ชีวิตที่ต้องดูแล ไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องฟุตบอล แต่ดูทั้งเรื่องการเรียน การเป็นอยู่ของเด็ก ๆ ทุกคน และผมต้องดูแลเด็กตั้งแต่เด็กอายุ 8 – 21 ปี ซึ่งหนึ่งวันผมต้องซ้อมกับเด็กถึง 6 ชั่วโมง”
 “ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทุ่มเทไปนี้ เพราะผมมองว่าถ้าเรามีความกระหาย ความอยาก ความรู้สึกจะถ่ายทอดไปยังเด็ก ๆ เพราะว่าเยาวชนเหล่านี้ก็มองหาต้นแบบในการใช้ชีวิต เพื่อเอาเป็นแบบอย่าง ซึ่งผมก็พยายามถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ว่า ผมไม่ได้เก่งอะไร แต่สิ่งที่ผมมีคือเราทำงานหนัก ก็หวังว่าเด็ก ๆ ทุกคนในอะคาเดมีจะเห็นสิ่งเหล่านี้ เพราะตั้งแต่ทีมชุดใหญ่ มาจนถึงเด็กอะคาเดมี การทำทีมของเราไม่ได้มองที่พรสวรรค์ แต่เรามองที่พรแสวง เพราะผมไม่ได้มองว่าเด็ก ๆ เริ่มจากจุดไหน แต่มองว่าเด็ก ๆ สู้ขนาดไหน และจุดจบของกราฟของคุณอยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่เราจะทำให้ดีที่สุดครับ”


TH SPORTเว็บไซต์ข่าวกีฬา อัพเดทข่าวบอลไทยทุกวันทุกเวลา

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด