อาจจะเป็นเพราะเพิ่งย้ายมาใหม่ และภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแรกของเขา จึงทำให้ อิกอร์ ดูเป็นเสือยิ้มยาก แต่เสียงหัวเราะที่มาพร้อมคำตอบแอบแง้มมุมน่ารักของเจ้าตัวออกมาให้เราเห็น
“เราเข้ายิมและวิ่งกันเยอะ แต่นี่เป็นเรื่องปกติของช่วงปรีซีซั่น สัปดาห์แรก ๆ เราเน้นกันไปที่เรื่องพละกำลัง ตอนนี้กำลังเริ่มใส่แทคติกเพิ่มขึ้นมา”
อากาศหนาวอาจจะเล่นงาน อิกอร์ ที่มีพื้นเพมาจากเมืองทาชเคนต์ไม่ได้ แต่ความร้อนของไทยแลนด์คือหนังคนละม้วน และเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ อิกอร์ ต้องเอาชนะตั้งแต่วันแรกที่ลงเล่น
“ช่วงแรกผมยังไม่ชินกับความร้อนเท่าไหร่ อาจจะวิ่งได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่นั่นไม่ใช่ข้ออ้าง ถ้าวิ่งก็ต้องวิ่ง และยิ่งซ้อม ผมก็เริ่มปรับตัวได้จนใกล้จะปกติแล้ว”
ปฏิเสธไม่ได้ว่าอีโก้คือเรื่องปกติของนักกีฬา เพราะหากคุณไม่เชื่อมั่นในตัวเอง ไม่กระหายที่จะลงไปคว้าชัย ไม่มีอีโก้พอที่จะก้าวสู่สังเวียนการแข่งขัน มันก็คงยากที่คุณจะประสบความสำเร็จในฐานะนักเตะหรือนักกีฬาชนิดอื่น ๆ
บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เองก็ไม่แตกต่างกัน นี่คือทีมที่ห้องแต่งตัวเต็มไปด้วยสตาร์ดัง ส่วนทางฝั่ง อิกอร์ ก็พกดีกรีเป็นถึงดาวซัลโว ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี เป็นแชมป์ลีกสูงสุดอุซเบกิสถาน 4 สมัย และแชมป์ลีกสูงสุดคาซัคสถาน 1 สมัย ทว่าความจริง อีโก้กลับไม่เป็นปัญหาสำหรับ อิกอร์ และเพื่อน ๆ ในทีมใหม่เลยแม้แต่น้อย
“เพื่อนร่วมทีมดีมาก ๆ เลย” อิกอร์ เล่าให้ฟังด้วยรอยยิ้ม “ผมอาจจะพูดอังกฤษไม่เก่งนัก แต่เพื่อน ๆ หลายคนพยายามเข้าหาผม เราต้องอยู่ร่วมกัน ต้องช่วยกัน ผมมองว่าบรรยากาศในห้องแต่งตัวถือว่าดีเลย”
“เรามีตัวเลือกและการแข่งขันในตำแหน่งเกมรุกเยอะ ในสนามทุกคนต้องทุ่มเทเกินร้อย ถ้าเหนื่อยก็ค่อยเปลี่ยนสลับกัน อะไรทำนองนั้น ผมมองว่านี่เป็นเรื่องที่ดีนะ”
อิกอร์ มีประสบการณ์ค้าแข้งในเอเชียตะวันออกมาแล้วในปี 2016 กับ ปักกิ่ง กั๋วอัน ทีมดังในลีกสูงสุดของจีน แถมยังเคยดวลฝีเท้ากับทีมชาติไทยแล้วถึง 2 หน โดยเจ้าตัวเล่าถึงมุมมองเกี่ยวกับผู้เล่นไทยในทีม บีจีพียู และการเล่นลีกไทยครั้งแรกของเขาว่า
“อย่างที่รู้ ผมไม่เคยเล่นในไทยลีกมาก่อน แต่ในการซ้อม ผมเห็นชัดเจนว่าระดับการเล่นดูเข้มข้นขึ้นตอนที่นักเตะทีมชาติไทยกลับมาซ้อมกับทีม พวกเขาเล่นบอลกับเท้าดีมาก ผมไม่อยากจะเปรียบเทียบกับลีกอื่น ๆ ที่เคยเล่นมา รอหลังได้ลงสนามแล้วถึงจะมีคำตอบ แต่ผมเชื่อว่านี่คือลีกที่ดี”