เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่น่าสนใจกับการย้ายมาร่วมทัพ "เดอะ แรบบิท" ในฤดูกาล 2023/24 สำหรับ "บอม" ชินภัทร์ ลีเอาะ ปราการหลังวัย 26 ปี แน่นอนว่าการย้ายทีมครั้งนี้ เขาต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงมากมายเพราะนี่คือการย้ายทีมของเขาในรอบ 6 ปี ที่สำคัญยังต้องแย่งชิงโอกาสลงสนามกับบรรดากองหลังเพื่อนร่วมทีมที่มีดีกรีไม่ธรรมดา ซึ่งนี่ ชินภัทร์ มองว่ามันคือความท้าทายของเจ้าตัว และเขาพร้อมแล้วที่จะลุยกับมัน
"ตอนนี้ก็รู้สึกปรับตัวได้ค่อนข้างดี เพราะมีพวกพี่ ๆ ในทีมคอยแนะนำ คอยสอน คอยบอก แนวทางการเล่นของทีม นั่นทำให้ผมสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น แม้ว่าสำหรับผมแล้วอาจมีเรื่องต้องปรับเยอะพอสมควรเพราะตอนอยู่ทีมเก่าผมเล่นระบบกองหลัง 3 ตัว แต่พอมาที่นี่เปลี่ยนเป็นแผงแบ็คโฟร์ทำให้ต้องมีความเข้าใจในการเล่นพอสมควร"
ชินภัทร์ พูดถึงการปรับตัวในถิ่น บีจี สเตเดี้ยม นอกจากนี้เจ้าตัวยังพูดถึงการปรับตัวเข้ากับแทคติกของ "โค้ชธง" ธงชัย สุขโกกี เฮดโค้ชของทัพ "เดอะ แรบบิท" ว่าทุกอย่างเป็นไปในทิศทางที่ดี "โค้ชพยายามบอกผมให้สร้างเกมขึ้นมาจากแดนหลัง และพยายามออกบอลให้เพื่อนร่วมทีม ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่ต่างจากทีมที่ผมเคยเล่น แต่ตำแหน่งการยืนอาจจะแตกต่างกัน"
การย้ายมา บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ของ ชินภัทร์ ลีเอาะ เขาต้องเบียดแย่งตัวจริงกับนักเตะกองหลังของทีมไม่ว่าจะเป็น วิคเตอร์ คาร์โดโซ่, เรนาโต้ เคลิช, อิรฟาน ฟานดี้, จักพัน ไพรสุวรรณ รวมถึงนักเตะดาวรุ่งอย่าง ชนภัช บัวพันธ์ แน่นอนว่ามันส่งผลต่อโอกาสในการลงสนามของเขา แต่ถึงอย่างไรเจ้าตัวก็พร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองว่ามีดีพอที่จะได้รับโอกาสลงสนามเป็น 11 ตัวจริง
"ถ้ามีโอกาสได้เล่นผมก็พร้อมเต็มที่ครับ แม้ว่าอาจจะยากเพราะเรามีกองหลังหลายคน ซึ่งแต่ละคนก็มีศักยภาพไม่แพ้กัน ส่วนตัวผมก็พยายามทำงานในการฝึกซ้อมให้ดีที่สุด และถ้าได้รับโอกาสผมก็เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เสมอ การมาที่นี่ของผมไม่ใช่เพียงแค่มานั่งเป็นตัวสำรอง แต่ผมต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเองว่าผมมีดีพอที่จะลงสนาม และนี่คือความท้าทายของผม"
แม้ว่าจะต้องเบียดแย่งโอกาสในการลงสนามกับเพื่อนร่วมทีม แต่ ชินภัทร์ ก็ยืนยันถึงความสัมพันธ์อันดีกับบรรดาแข้งแนวรับ โดยเฉพาะกับ วิคเตอร์ คาร์โดโซ่ ที่เคยเล่นร่วมกันมากับ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
"ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีครับ ทุกคนพยายามช่วยกันสื่อสารกัน ค่อยแนะนำซึ่งกันและกัน ที่ให้เราทำงานกันได้ง่ายขึ้นครับ โดยเฉพาะกับ วิคเตอร์ ที่เราเคยเล่นด้วยกันที่ ลีโอ เชียงราย แบบว่าจะรู้ใจกันมากเป็นพิเศษครับ"
อีกหนึ่งความท้าทายในฤดูกาล 2023/24 ที่กำลังจะเริ่มขึ้นคือการที่เขาต้องอยู่กับทีมที่ใหญ่ขึ้น แน่นอนว่ามันย่อมมาพร้อมกับความคาดหวังมากมาย และอาจสร้างความกดดันให้กับเจ้าตัว
"บีจี ปทุมฯ เป็นทีมใหญ่มีความคาดหวังสูง แต่ผมก็มองว่ามันเป็นเรื่องดี เพราะเรามีเป้าหมายที่สูงขึ้น มันทำให้เราต้องมีสมาธิตรงนั้นมากขึ้น ถามว่ากดดันหรือไม่แน่นอนว่ามันกดดัน อาจทำให้เราวิตกกังวลในความผิดพลาดบ้าง แต่ถ้าเราทำได้ตามที่หวังมันก็จะกลายเป็นความสนุกว่าเราได้สู้กับอะไร มันจะมีความท้าทายขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งผมมองว่านี่แหละที่ผมต้องการ"
นอกจากต้องการประสบความสำเร็จกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ ชินภัทร์ ตัดสินใจย้ายมาร่วมสโมสรฯแห่งนี้ ก็คือโอกาสในการติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่ หลังเขาเคยผ่านทีมชาติชุดเยาวชนมาแล้วแทบจะทุกชุด และเป้าหมายต่อไปของเขาคือการขึ้นไปสู่ทัพ "ช้างศึก"
"ผมคิดว่าถ้าเราสามารถลงเล่นให้สโมสรได้อย่างสม่ำเสมอและทำผลงานได้ดี ก็มีโอกาสที่เราจะติดทีมชาติไทย จริง ๆ ผมเคยติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่ มาแล้วแต่ก็ไม่มีโอกาสได้ลงเล่น จริง ๆ มันเป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิตนักฟุตบอลของผมเลยนะ แน่นอนว่าผมจะต้องไปถึงจุดนั้นให้ได้ ซึ่งการย้ายมา บีจี ปทุม ยูไนเต็ด อาจจะทำให้ผมมีโอกาสตรงนั้นมากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องทำงานหนักและพิสูจน์ตัวเองกับสโมสรฯให้ดีเสียก่อน"