TOYOTA Thai League Team Of The Week ประจำสัปดาห์ที่ 8
11 ผู้เล่นยอดเยี่ยม ศึกโตโยต้า ไทยลีก 2018 ประจำสัปดาห์ที่ 8
แผนการเล่น : 3-4-3
ประตู : ขวัญชัย สุขล้อม (พีที ประจวบ)
ฟอร์มโหดจริงๆ ในเกมเอาชนะ แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล ไม่ว่าลูกยากแค่ไหนก็ไม่มีทางผ่านนายด่านวัย 23 ปีผู้นี้ไปได้ง่ายๆ เลย แม้เก็บคลีนชีตไม่ได้แต่้ต้องยอมรับว่าหากไม่ได้การเซฟที่เหลือเชื่อหลายต่อหลายครั้งของ "เจ้าช็อป" คงไม่มีทางเลยที่ "ต่อพิฆาต" จะคว้า 3 แต้มในเกมนี้ได้
กองหลัง : ยู จุน-ซู (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
ถูกถอยมาเล่นกองหลังอีกครั้งในยามที่ อันเดรส ตูเนซ ยังมีอาการบาดเจ็บ และก็ช่วยป้องกันได้อย่างดีเยี่ยม มีโอกาสลุ้นขึ้นมาทำประตูหลายครั้งในจังหวะเซ็ตพีช จนในที่สุดก็กลายเป็นฮีโร่ของทีมเมื่อซัดประตูชัยพลิกกลับมาชนะ ชลบุรี ได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย พร้อมกับรับตำแหน่งแมนออฟเดอะแมตช์ไปครอง
กองหลัง : นรงฤทธิ์ บุญสุข (สุโขทัย เอฟซี)
กองหลังไทยแท้เจ้าของความสูง 187 ซม. โชว์ฟอร์มได้เด็ดดวงอีกนัด ทั้งการบล็อคลูกยิงหน้าหัวกะโหลกของ อันโตนิโอ แวร์ซูร่า และจังหวะไล่แซะ อกินัลโด้ ที่เกือบจะได้ยิงจ่อๆ หลังจากถูกดึงตัวมาจากT2 ก็แกร่งขึ้นผิดหูผิดตา ถ้าผลงานดีต่อเนื่องแบบนี้ ไม่แน่เหมือนกันว่ากองหลังทีมชาติไทยในยุคของ มิโลวาน ราเยวัช อาจจะมีชื่อของกองหลังวัย 25 ปีรายนี้ เขาอาจจะกลายเป็น พรรษา เหมวิบูลย์ คนที่สองก็ได้
กองหลัง : วิคเตอร์ คาร์โดโซ่ (สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด)
ช่วยสกัดกั้นลูกอันตรายได้หมดทั้งภาคพื้นดินและอากาศในบทบาทหัวใจของเกมรับ "กว่างโซ้ง" แถมประตูชัยเหนือ แบงค็อก ก็มาจากการเติมขึ้นไปโหม่งลูกฟรีคิกที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าตัว เป็นประตูฉลองการเป็นว่าที่คุณพ่อลูกอ่อน และคว้า 3 แต้มที่ยากแสนยากได้อย่างน่าประทับใจ
กองกลาง : ใหญ่ นิลวงศ์ (พีที ประจวบ)
ลงมาเป็นตัวสำรองในช่วงท้ายเกม แต่ถือว่าเป็นซูเปอร์ซับคนสำคัญ ในสถานการณ์ที่ทีมถูกตามตีเสมอ โมเมนตัมของเกมกำลังเปลี่ยนไปในทางอันตราย แต่ ใหญ่ มาเปิดบอลให้ ดูมบูย่า ยิงนำ 2-1 และเป็นคนซัดประตูปิดเกมให้ "ต่อพิฆาต" เก็บ 3 แต้มสำคัญออกจากถิ่น ธูปะเตมีย์ ได้สำเร็จ
กองกลาง : สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ (สุโขทัย เอฟซี)
จากเด็กที่เคยถูกด่าว่าอีโก้สูงเล่นไม่เชื่อฟังโค้ช แต่ตอนนี้อัพเกรดตัวเองจากตัวสำรองซูเปอร์ซับ กลายเป็นแกนกลางตัวหลักของทีม "ค้างคาวไฟ" ไปแล้ว การมาอยู่กับ "โค้ชเบ๊" อาจเป็นคนที่ใช่ที่สุดในการรีดฟอร์มเก่งและรักษาสมาธิในเกม เกมนี้โดดเด่นมากในการวางบอลยาวแม่นๆ แถมยังมีจังหวะเข้าไปเล่นในกรอบ 18 หลาคู่ต่อสู้อีกด้วย คงต้องใช้คำว่า "เจ้าโก้" กลับมาอยู่ในเส้นทางที่เหมาะสมสำหรับอาชีพนักเตะอีกครั้ง
กองกลาง : อ่อง ตู (โปลิศ เทโร)
ฟอร์มเทพจริงๆ สำหรับ อ่อง ตู แม้จะเหนื่อยจากการรับใช้ทีมชาติในศึกเอเชียน คัพ รอบคัดเลือกมา แต่เพลย์เมกเกอร์วัย 21 ปีกลับไม่แสดงอาการอ่อนล้าให้เห็นแม้แต่น้อย เกมนี้ยิงคนเดียว 2 ประตู แอสซิสต์ให้ มิชาเอล เอ็นดรี้ อีก 1 ลูก และมีส่วนเกี่ยวข้องกับเกมรุกของ "มังกรโล่เงิน" ทุกจังหวะการทำประตูทั้ง 4 ลูก ผ่านไป 8 เกมใครจะเชื่อว่า เขายิงไปแล้ว 4 ประตู มากกว่ากองหน้าไทยในลีกทุกคน
กองกลาง : ดาเนี่ยล โตติ (บางกอกกล๊าส)
เล่นด้วยความทุ่มเทเต็มร้อย ปั่นป่วนแนวรับของ เมืองทอง ได้ตลอดทั้งเกม ไม่ว่าจะสลับไปยืนด้านซ้ายหรือขวาก็สร้างปัญหาให้วิงแบ็กของ "กิเลนผยอง" อย่างหนัก เป็นคนยิงประตูให้ทีมพลิกขึ้นนำ และเรียกใบแดงจาก ชาริล ชัปปุยส์ ซึ่งต้องบอกว่าโชคดีที่เขาไม่โดนไล่ออกไปด้วยอีกคน
กองหน้า : มิชาเอล เอ็นดรี้ (โปลิศ เทโร)
จากที่เคยถูกวิจารณ์ว่าเป็นกองหน้าที่เล่นเพื่อตัวเองไม่ค่อยจ่ายบอลให้ใคร แต่ปีนี้เล่นเข้าขากันดีเหลือเกินในการประสานงานกับ อ่อง ตู เกมนี้ยิง 2 จ่าย 2 ทุกประตูที่เกิดขึ้นของทีมมาจากเขาทั้งหมด จนแทบตัดสินใจไม่ถูกว่าจะให้ใครเป็นแมนออฟเดอะแมตช์ดีระหว่างเขากับดาวเตะเมียนมา กองหลังของ ท่าเรือ ไม่สามารถต้านทานการทะลุทะลวงของคู่นี้ได้เลย
กองหน้า : ดิโอโก หลุยส์ ซานโต (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
หัวหอกเลือดแซมบ้ายิง 1 จ่าย 1 ช่วยให้ บุรีรัมย์ พลิกกลับมาชนะ ชลบุรี ไปได้แบบใจหายใจคว่ำในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เรียกได้่เต็มปากว่า ดิโอโก้ คือทุกสิ่งทุกอย่างในเกมรุกของ "ปราสาทสายฟ้า" จากผลงานยิงไปแล้ว 11 ประตูใน 8 นัด และเชื่อได้เลยว่า ดิโอโก้ จะสร้างสถิติอีกมากมายให้ตัวเองในการค้าแข้งไทยลีก
กองหน้า : คัง ซู-อิล (ราชบุรี มิตรผล)
ก่อนหน้านี้หลายคนอาจมองว่านี่เป็นการเสริมทีมโควตาต่างชาติที่ล้มเหลวสำหรับ ราชบุรี เพราะกองหน้า 3 เชื้อชาติ (เกาหลีใต้, แอฟริกัน, อเมริกัน) ที่ผ่านมามีแต่ลูกหวือหวาและมักจะเป็นตัวจุดชนวนให้แฟนบอลฝ่ายตรงข้ามโห่ใส่อยู่เป็นประจำ แต่เกมนี้พิสูจน์แล้วด้วยแฮททริกว่าดีกรีอดีตดาวซัลโวของ เดอะสปาคูซัตสึ กุนมะ ทีมในเจลีกทูของญี่ปุ่น (ณ ขณะนั้น) ไม่ใช่ของปลอมทำเหมือน
โค้ช : รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค (โปลิศ เทโร)
มาถูกที่ถูกเวลาจริงๆ สำหรับ "โค้ชอ้น" ที่เพิ่งถูกแต่งตั้งให้เป็นกุนซือใหญ่แทน สก็อตต์ คูเปอร์ ผลงานเป็นไปตามทฤษฎีบอลเปลี่ยนโค้ช เพราะเขาสามารถรวมลูกทีมให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ทันที ก่อนเกมหลายคนมองว่าไม่น่ารอดเพราะต้องเจอกับ การท่าเรือ หนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในลีก แต่การวางแท็กติกให้ อ่อง ตู เป็นตัวขับเคลื่อนเกมอย่างเต็มตัว เห็นผลได้อย่างชัดเจนว่าสตาร์เมียนมา มีดีกว่าเรื่องการตลาด และชัยชนะเหนือ "สิงห์เจ้าท่า" 4-2 ก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ต้องสดุดีทั้งนักเตะและโค้ชของ "มังกรโล่เงิน" สำหรับผลงานขึ้นหิ้งในนัดนี้