TOYOTA Thai League Player Of The Week ประจำสัปดาห์ที่ 15
11 ผู้เล่นยอดเยี่ยม ศึกโตโยต้า ไทยลีก 2018 ประจำสัปดาห์ที่ 15
แผนการเล่น : 3-4-3
ประตู : อุกฤษณ์ วงศ์มีมา (ราชบุรี มิตรผล)
โอกาสของทั้ง ราชบุรี และ พัทยา มีพอๆ กัน แต่ส่วนหนึ่งที่ "ราชันมังกร" คว้าชัยในเกมนี้ได้ต้องยกเครดิตให้การยืนตำแหน่งของ อุกฤษณ์ ที่แทบไม่มีข้อผิดพลาดให้เห็นเลยและช่วยเซฟประตูไว้ได้เกือบหมด หนึ่งลูกที่เสียไปก็ต้องยอมรับว่า จักพัน ไพรสุวรรณ ยิงฟรีคิกได้เฉียบขาดจริงๆ โดยรวมแล้วมาตรฐานของ "เจ้ากฤษณ์" ยอดเยี่ยมมากและเป็นคีย์แมนให้ีทีมคว้า 3 แต้มเต็มได้อีกครั้ง
กองหลัง : กรกช วิริยอุดมศิริ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
ฟอร์มดีวันดีคืนจริงๆ สำหรับ "เจ้ามิ้ง" ที่มีลูกเซ็ตพีชและการครอสเป็นเครื่องหมายการค้า ในเกมที่ค่อนข้างยากลำบากเพราะ "ปราสาทสายฟ้า" สภาพร่างกายเป็นรองเจ้าบ้านอย่าง โปลิศ เทโร แต่มาได้ลูกตั้งเตะของเขาทั้งสองลูกที่เปิดให้ เอ็ดการ์ ซิลวา ขึ้นโหม่ง จนทำให้ีทีมเก็บ 3 แต้มได้สำเร็จเป็นกำลังใจก่อนบุกเยือน ชุนบุค ฮุนได ในวันอังคารนี้
กองหลัง : เอเวอร์ตัน กอนซัลเวส (แบงค็อก ยูไนเต็ด)
ช่วยสกัดบอลจากเส้นไม่ให้ทีมเสียประตูที่สอง แล้วยังเป็นคนมาโขกประตูให้ทีมขึ้นนำ 2-1 เป็นการเปลี่ยนโมเมนตัมของเกมให้กลับมาอยู่ฝั่งทีม "แข้งเทพ" ในเกมรับหลายๆ จังหวะก็ได้กองหลังเลือดแซมบ้าผู้นี้ค่อยช่วยสกัดเอาไว้ได้ตลอด ถือเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นขาประจำในทีมยอดเยี่ยมที่รักษาฟอร์มการเล่นไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ
กองหลัง : มิก้า ชูนวลศรี (แบงค็อก ยูไนเต็ด)
ในเกมรับต้องเจอศึกหนักกับการรับมือ มาร์ติน เอ็นจีว่า แต่ก็ป้องกันได้อยู่หมัด แล้วยังมีโอกาสเติมเกมรุกสวยๆ อยู่หลายครั้ง เป็นคนแอสซิสต์ประตูตีเสมอให้ ร็อบสัน แฟร์นานเดส และยังมาโขกประตูให้ทีมขึ้นนำ 3-1 อีก ฟอร์มดีแบบนี้ไม่แน่ทีมชาติไทยอาจจะเปิดประตูต้อนรับเขากลับไปอีกครั้งก็เป็นได้
กองกลาง : อภิสิทธิ์ โสรฎา (บางกอกกล๊าส)
แม้จะได้อยู่ในสนามเพียง 62 นาทีก่อนถูกเปลี่ยนตัวออก แต่ก็เพียงพอที่เขาจะกลายเป็นผู้ตัดสินผลแพ้ชนะในการพบกับอดีตต้นสังกัดเก่า จากการเตะลูกฟรีคิกใบไม้ร่วงระยะกว่า 40 หลา และการเปิดแอสซิสต์ให้ สุรชาติ สารีพิมพ์ โหม่งโล่งๆ การปรับตำแหน่งให้ "เจ้าเจมส์" จากปีกซ้าย มารับบทกองกลางตัวทำเกม ดูเป็นการตัดสินใจที่เข้าท่าและไม่เสียของเลยทีเดียวสำหรับ "โค้ชจุ่น" อนุรักษ์ ศรีเกิด และนี่คืออีกหนึ่งผู้เล่นที่ "โค้ชโย่ง" ชื่นชมและอาจดึงไปร่วมทีมในศึกเอเชียนเกมส์ 2018
กองกลาง : ชาริล ชัปปุยส์ (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด)
คืนฟอร์มเก่งกลับมาได้เสียที สำหรับพ่อหนุ่มลูกครึ่งไทย-สวิส หลังจากเงียบไปนาน เกมนี้เปิดหัวด้วยการยิงไกลสุดสวยช่วงท้ายครึ่งแรก และมายิงประตูปิดกล่องในครึ่งหลัง ช่วยให้ทีม "กิเลนผยอง" เก็บชัยนัดแรกในรอบ 6 นัด และยังเป็นชัยชนะนัดแรกของ ราโดวาน ชูร์ชิช กุนซือคนใหม่อีกด้วย
กองกลาง : วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ (ชลบุรี เอฟซี)
โดดเด่นแทบจะเรียกได้ว่าแบกทีม "ฉลามชล" ได้เลยทีเดียวสำหรับ "เจ้ายิม" เกมนี้ยิง 1 จ่าย 1 แถมน่าจะทำได้มากกว่านี้ด้วยแต่โชคร้ายทั้งยิงไปชนเสา และเพื่อนจบสกอร์ไม่คมพอ ชั่วโมงนี้ "ยิม" อาจจะดีเกินทีมชาติชุดเอเชียนเกมส์แล้วด้วยซ้ำ จากผลงานยิง 6 ประตูและแอสซิสต์ให้เพื่อนอีกหลายลูก ฟอร์มระดับนี้เชื่อว่าตำแหน่งในทีมชาติไทยชุดใหญ่ก็ควรเปิดโอกาสให้เขาบ้างเหมือนกัน
กองกลาง : อมร ธรรมนาม (พีที ประจวบ)
นัดนี้โชว์ฟอร์มเทพสุดๆ นอกจาก 2 ประตูที่ทำได้จะมาจากการแอสซิสต์ของเขาทั้งหมดแล้ว ยังมีจังหวะอีกนับไม่ถ้วนที่ อมร จ่ายบอลให้เพื่อนลุ้นทำประตูเหน่งๆ รวมถึงหาจังหวะยิงเองชนเสาไปหนึ่งครั้ง ซ้ายผ่านตลอดของจริงเลยสำหรับแข้งเก๋าวัย 35 ปีรายนี้ ถึงจะอายุเยอะแล้วแต่กับฟอร์มโหดแบบนี้ถ้า มิโลวาน ราเยวัช กุนซือทีมชาติไทยไม่ชายตามามองเขาสักนิดก็คงใจร้ายเกินไปแล้ว
กองหน้า : ร็อบสัน แฟร์นานเดส (ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด)
ยังคงรักษามาตรฐานการเล่นได้สม่ำเสมอในการปั่นป่วนแนวรับคู่ต่อสู้ เป็นกองหน้าสไตล์เลี้ยงกินตัวระดับต้นๆ ของไทยลีกฤดูกาลนี้ นัดนี้ยิง 1 ประตูจากการเปิดของ มิก้า และ ร็อบสัน ก็มาเปิดคืนให้ มิก้า ทำประตูอีกลูกเช่นกัน แถมยังเป็นคนเรียกใบแดงจากจังหวะที่ถูก นวพล ตันตระเสนีย์ ฟาดแขนเข้าที่หน้าอีกด้วย
กองหน้า : เอ็ดการ์ บรูโน่ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
ถือเป็นการยิงประตูพิสูจน์คุณค่าของตัวเองในถิ่น ช้าง อารีน่า ได้เลยทีเดียว เมื่อกำลังมีข่าวว่าทีมกำลังจะได้กองหน้าคนใหม่ดีกรีอดีตทีมชาติบราซิลเข้ามา เอ็ดการ์ โหม่งทำประตูคนเดียว 2 ลูก ช่วยให้ทีมบุกเฉือนชนะ โปลิศ เทโร และเป็นการยิงได้รวม 4 ประตูใน 2 นัด หาก "ปราสาทสายฟ้า" คิดจะโละเขาออกและเอาคนใหม่เข้ามาแทน ก็คงต้องคิดอีกหลายตลบว่าจะได้คุ้มเสียหรือไม่ เพราะชั่วโมงนี้แฟนบอลพากันตั้งฉายาให้เขาว่า "เทพบรูโน่" ไปเรียบร้อยแล้ว
กองหน้า : ดราแกน บอสโกวิช (การท่าเรือ เอฟซี)
นัดก่อนก็เหมาคนเดียว 2 ประตู และยังรักษาความร้อนแรงมาจนถึงเกมนี้ "โบเล่" กลายเป็นฮีโร่เหมาคนเดียว 2 ประตู นอกจากนั้นยังช่วยสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมและตัวเองได้อีกหลายครั้ง ซึ่งประตูที่เขาทำได้ทั้งสองลูกกลายเป็นการตัดสินเกมให้ "สิงห์เจ้าท่า" บุกแซงเอาชนะต้นสังกัดเก่าของตัวเอง 2-1 คว้าชัย 3 เกมติดต่อกัน และสกอร์รวมตอนนี้ หัวหอกเลือดเซิร์บยิงไปแล้วทั้งสิ้น 7 ประตู
โค้ช : มาโน่ โพลกิ้ง (ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด)
ไม่ง่ายเลยที่ทีมไหนจะบุกมาถล่ม สุโขทัย ถึงถิ่นทะเลหลวงได้ถึง 4 ประตู แต่สำหรับ มาโน่ โพลกิ้ง ผู้ยึดปรัชญาเกมรุกคือหัวใจทำให้เห็นแล้ว กุนซือสายเลือดเยอรมัน-บราซิล ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีและรู้ว่าเกมรับของเจ้าถิ่นกำลังมีปัญหาโดยเฉพาะการรับมือกับผู้เล่นที่มีความคล่องตัวสูง มาโน่ สั่งให้ลูกทีมเจาะทางริมเส้นทั้งซ้ายและขวา สลับกับการกระชากลากเลื้อยของแข้งแซมบ้าทั้ง ร็อบสัน และ วันเดอร์ หลุยส์ และสามารถปิดเกมเอาชนะพร้อมกับขยับขึ้นมาเขย่าบัลลังก์จ่าฝูงกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ต่อไป