ปราสาทสายฟ้า เปิดบ้านพ่าย เดอะ แรบบิท 1-2 ยังคงต้องลุ้นคว้าแชมป์ สมัยที่ 10 ในอีก 2 เกมที่เหลือ
การแข่งขันฟุตบอลรีโว่ ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2024/25 เมื่อวันเสาร์ที่ 12 เมษายน 2568 ณ สนามบุรีรัมย์ ซิตี้ สเตเดียม เป็นเกมซูเปอร์บิ๊กแมตช์ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงที่มี 67 คะแนน เปิดรังเหย้าชั่วคราว รับการมาเยือน “เดอะ แรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 3 ที่มี 49 คะแนน จากการลงสนาม 27 นัด เท่ากัน
โดยเกมนี้ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ต้องการชัยชนะ เพื่อปิดจ๊อบก้าวไปสร้างประวัติศาสตร์ เป็นแชมป์ไทยลีก สมัยที่ 10
นาทีที่ 2 ปราสาทสายฟ้า มาได้เตะมุมเร็วทางขวา ศศลักษณ์ ไหประโคน เปิดบอลโค้งเข้าไปที่เสาแรก คริสติยอง โกมิส ยืนคุมเสาเตะบอลทิ้งพ้นอันตรายไปได้
นาทีที่ 4 เดอะ แรบบิท มีโอกาสได้ทักทายแบบหนักหน่วงบ้าง สัญชัย นนทศิลา ได้ยิงดาบสองในกรอบเขตโทษ บอลพุ่งไปติดบล็อกแนวรับเจ้าถิ่น ก่อนที่ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม จะมาช่วยเตะบอลทิ้งพ้นจากพื้นที่อันตรายไปได้
GOALLL!! นาทีที่ 10 เดอะ แรบบิท ที่มาเน้นโต้กลับเร็ว มาได้ประตูขึ้นนำ สัญชัย นนทศิลา แย่งบอลได้ที่เส้นกลางสนาม ก่อนที่จะกระชากบอลขึ้นหน้าไปหน้ากรอบเขตโทษ แล้วตัดสินใจยิงด้วยขวาบอลพุ่งเสียบเสาขวามือเข้าประตูไป บีจี ปทุม ยูไนเต็ด บุกขึ้นนำ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-0
นาทีที่ 24 ปราสาทสายฟ้า ที่เริ่มได้กลับมาครองบอลบุกใส่ มาได้เตะมุมขวาที ซ้ายที แต่ก็ยังไม่อาจจะเจาะแนวรับ 2 ชั้นของผู้มาเยือนเข้าไปทำประตูตีเสมอได้
นาทีที่ 29 นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ดีดบอลขนานเส้นให้ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ได้หลุดไปกึ่งยองกึ่งผ่านทางขวาของกรอบเขตโทษ สรานนท์ อนุอินทร์ นายด่านทีมเยือนต้องออกแรงโดดปัดบอลออกหลังไป
นาทีที่ 30 ศศลักษณ์ ไหประโคน เปิดเตะมุมทางซ้ายโค้งเข้าไปในกรอบเขตโทษ กิลเยร์เม บิสโซลี ทะยานขึ้นโขกบอลลอยผ่านเสาซ้ายมือออกหลังไปนิดเดียว
นาทีที่ 33 ปราสาทสายฟ้า ยังคงเปิดเกมบุกเข้าใส่ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา กระชากบอลหลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนจะล็อกบอลหลอก มาร์โค บัลลินี ที่พยายามจะล้มตัวสไลด์มาขวางบอล ก่อนที่ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา จะได้จังหวะปั่นบอลโค้ง ทว่า คริสติยอง โกมิส เหยียดเท้ามาบล็อกบอลไว้ได้
นาทีที่ 38 ศศลักษณ์ ไหประโคน ได้ลากเลื้อยบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ ก่อนจะสบช่องจ่ายบอลให้ กิลเยร์เม บิสโซลี ได้ง้างเท้ายิงไปติดบล็อกแนวรับที่ยืนกันอยู่ในกรอบเขตโทษ 6 คน
นาทีที่ 41 พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล เก็บบอลได้ตรงกลางด้านซ้าย จ่ายบอลออกมาทางขวาให้ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ได้วิ่งไปส่องไกลด้วยเท้าขวาบอลพุ่งเหินข้ามคานออกหลังไป
GOALLL!! นาทีที่ 42 ศศลักษณ์ ไหประโคน เก็บบอลได้ทางซ้ายก่อนจะจ่ายต่อให้ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ได้ลากบอลตัดเข้ามาด้านในหน้ากรอบเขตโทษ แล้วซัดบอลโค้งเสียบเสาขวามือเข้าประตูไปสุดสวย ปราสาทสายฟ้า ตามตีเสมอ เดอะ แรบบิท เป็น 1-1
จากนั้นไม่มีฝ่ายใดมีจังหวะลุ้นทำประตูเพิ่ม จบครึ่งเวลาแรก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังคงเสมอกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด อยู่ 1-1
กลับมาสู้กันครึ่งเวลาหลัง ทั้ง 2 ทีม ต่างแก้เกมกันเร็ว ปราสาทสายฟ้า ส่ง ดิออน คูลส์ ลงมาเล่นแทน นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ส่วน เดอะ แรบบิท ส่ง อิคซาน ฟานดี้ ลงมาแทน อิลฮาน ฟานดี้
นาทีที่ 65 ปราสาทสายฟ้า เร่งเครื่องโหมบุกหนักอีกครั้ง ดิออน คูลส์ ได้บอลทางขวาแต่งบอลแทงต่อเข้าไปในกรอบเขตโทษ กิลเยร์เม บิสโซลี ได้ล้มตัวยิงตามน้ำบอลแฉลบผู้เล่นทีมเยือนผ่านเสาออกหลังไป
GOALLL!! นาทีที่ 79 เดอะ แรบบิท ได้เล่นโต้กลับ สันติภาพ จันทร์หง่อม ได้บอลทางก่อนจะเปิดวัดใจเข้าไปในกรอบ 6 หลา กฤษดา กาแมน ล้มตัวลงไปโหม่งบอลหายเข้าประตูไป ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเช็ก VAR แล้วชี้ให้เป็นประตู บีจี ปทุม ยูไนเต็ด บุกออกนำ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีกครั้งเป็น 2-1
นาทีที่ 90+3 ดิออน คูลส์ ได้บอลในกรอบเขตโทษ ก่อนจะหมุนจ่ายออกมาให้ กิลเยร์เม บิสโซลี ได้ง้างเท้ายิงบอลพุ่งผ่านเสาขวามือออกหลังไป
จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่ม จบเกม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พ่าย บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ไป 1-2 ส่งผลให้ ปราสาทสายฟ้า ยังคงมีอยู่ 67 คะแนน ต้องลุ้นคว้าแชมป์ไทยลีก สมัยที่ 10 ออกไปในอีก 2 นัด ซึ่งขอเพียงอีก 2 คะแนน หรือเก็บชัยชนะให้ได้แมตช์ใดแมตช์หนึ่ง
รายชื่อผู้เล่นทั้ง 2 ทีม
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด : นีล เอเธอร์ริดจ์ (ผู้รักษาประตู), คิม มิน ฮยอค, เคนเน็ต ดูกอล, พรรษา เหมวิบูลย์ (ศุภชัย ใจเด็ด น.76), ศศลักษณ์ ไหประโคน (เจฟเฟอร์สัน ทาบินาส น.67), นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม (C) (ดิออน คูลส์ น.46), พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, โกรัน เคาซิช, ลูคัส คริสปิม (มาร์ติน โบอาเคีย น.83), ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, กิลเยร์เม บิสโซลี
บีจี ปทุม ยูไนเต็ด : สรานนท์ อนุอินทร์ (ผู้รักษาประตู), สันติภาพ จันทร์หง่อม, มาร์โค บัลลินี, คริสติยอง โกมิส, นิก้า ซานโดคัดเซ่, สัญชัย นนทศิลา (วรินทร จำนงค์วัตร์ น.76), กฤษดา กาแมน (C), สารัช อยู่เย็น, กาคุโตะ โนสึดะ, รานีล ซานตาน่า (เฟรดดี้ อัลวาเรซ น.90+7), อิลฮาน ฟานดี้ (อิคซาน ฟานดี้ น.46)