TOYOTA Thai League Player Of The Week ประจำสัปดาห์ที่ 16
11 ผู้เล่นยอดเยี่ยม ศึกโตโยต้า ไทยลีก 2018 ประจำสัปดาห์ที่ 16
แผนการเล่น : 3-4-3
ประตู : ฉัตรชัย บุตรพรม (สิงห์ เชียงรายฯ)
แม้จะมีข่าวลือเรื่องย้ายทีมมากวนใจ แต่ "เจ้าบอย" ไม่สะเทือนสักนิด เกมนี้เซฟเยอะจริงๆ รวมถึงลูกจุดโทษในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ในเกมที่ "กว่างโซ้งมหาภัย" บุกถล่ม อุบล ยูเอ็มที ถึงถิ่น 3-0 สกอร์ขาดลอยอาจเหมือนง่าย แต่ถ้าได้ดูทั้งเกมต้องบอกว่าถ้าไม่ได้ "เจ้าบอย" โชว์เซฟระดับเว่อร์วังช่วยไว้ล่ะก็ ทีมคงไม่มีทางรักษาคลีนชีตไว้ได้แน่นอน
กองหลัง : สุริยา สิงห์มุ้ย (สิงห์ เชียงรายฯ)
"เจ้าเทค" เล่นเกมรับได้เนียนตาเหมือนเคย ทั้งที่เป็นเกมแรกในฤดูกาลที่ทีม "กว่างโซ้ง" ใช้ผู้เล่นแนวรับเป็นนักเตะไทยทั้งแผง แต่เกมป้องกันก็ยังเอาอยู่หมดทั้งภาคพื้นดินและอากาศ ยิ่งไปกว่านั้น สุริยา ยังโชว์ความเหนือชั้นด้วยการล็อกบอลก่อนซัดเต็มเท้าในจังหวะยิงประตูปิดท้าย
กองหลัง : คิม คยอง มิน (ชลบุรี เอฟซี)
ปราการหลังเลือดกิมจิสร้างความอุ่นใจให้กับแนวรับของ "ฉลามชล" ได้มากจริงๆ ในการรับมือกับ เปาโล แรนเจล ที่ถึงกับไปไม่เป็น ขยันวิ่งไล่และคอยตามประกบทุกฝีเท้า มีจังหวะสกัดบอลลูกสำคัญได้หลายครั้ง และช่วยให้ทีมบุกเอาชนะ นครราชสีมา เป็นครั้งแรกในการพบกันในเกมลีกอีกด้วย
กองหลัง : ฟิลิปป์ โรลเลอร์ (ราชบุรี มิตรผล)
เริ่มต้นเกมด้วยตำแหน่งแบ็กซ้าย แต่ท้ายๆ ขยับขึ้นมายืนเป็นปีก ทั้ง 3 ประตูที่ "ราชันมังกร" เฉือนชนะ โปลิศ เทโร ในเกมสุดมันส์ 3-2 ดาวเตะลูกครึ่งไทย-เยอรมัน มีส่วนร่วมด้วยทั้งหมด ลูกแรกครอสให้ คัง ซู-อิล โขกโล่งๆ ลูกตีเสมอ 2-2 ในจังหวะเก็บตกก็เป็นคนวอลเลย์ด้วยซ้ายบริเวณจุดโทษ และลูกแซงชนะ ฟิลิปป์ เป็นคนเปิดตัดเข้าในให้ ณัฐวุฒิ สมบัติโยธา โขกเข้าไป ถือเป็นเกมที่สมบูรณ์แบบสำหรับเขาเลย
กองกลาง : ปกรณ์ เปรมภักดิ์ (การท่าเรือ เอฟซี)
ทำไมถึงไม่มีชื่อเขาในทีมชาติไทย นั่นคือคำถามที่แฟนบอลหลายคนอาจไม่เข้าใจ เกมนี้ "เจ้าบาส" โชว์ฟอร์มเทพอีกครั้งทั้งการทำ 1 ประตูและ 2 แอสซิสต์ แถมยังโชว์ลีลากระชากลากเลื้อยรวมถึงครอสบอลจากด้านข้างทั้งโอเพ่นเพลย์และเซ็ตพีซเข้าใส่เกมรับของ ราชนาวี เป็นว่าเล่น เหมือนกับเป็นการยิงคำถามซ้ำอีกครั้งว่า "ทำไมถึงยังไม่มีชื่อเขาในทีมชาติไทย"
กองกลาง : เซร์คิโอ ซัวเรซ (การท่าเรือ เอฟซี)
ยังคงเฉียบขาดเหมือนเดิมสำหรับกองกลางชาวสแปนิช ที่ทำหน้าที่เหมือนตัวรุกอิสระ ขยับเขยื้อนไปในทุกพื้นที่เพื่อสร้างเกมรุก นัดนี้ทั้งยิง 2 ประตูและแอสซิสต์ให้เพื่อนได้อีกด้วย ตอนนี้แฟนบอล "สิงห์เจ้าท่า" พากันกล่าวขานว่า ขาดใครขาดได้ แต่อย่าขาด เซร์คิโอ ซัวเรซ รับรองทีมมีลุ้นชนะได้ทุกเกม
กองกลาง : ลักษณะ คำรื่น (ชัยนาท ฮอร์นบิล)
ทำผลงานโดดเด่นอีกหนึ่งเกมสำหรับ "เจ้าลัก" ช่วยทั้งเกมรับและเกมรุก โดยเฉพาะในการขึ้นบุกทางกราบขวา มีจังหวะเตะมุมที่เกือบปั่นเข้าประตู รวมถึงลูกนำ 2-1 จุดเริ่มต้นก็มาจากการจ่ายบอลทะลุช่องให้ แบร์กนา ดุมเบีย ของแข้งสารพัดประโยชน์วัย 31 ปีรายนี้
กองกลาง : ดาเนี่ยล โตติ (บางกอกกล๊าส)
ขยันเป็นม้าจริงๆ สำหรับเพลย์เมกเกอร์เลือดกระทิงรายนี้ นี่คือนักเตะที่ทั้งแฟนบอล, สตาฟฟ์โค้ช และ เพื่อนร่วมทีมเอ่ยปากชมเหมือนกันหมดว่ามีความทุ่มเทเพื่อทีมสูงมาก ในยามที่ทีม "กระต่ายแก้ว" กำลังลำบากย่อมต้องการผู้เล่นที่มีคาแร็คเตอร์เช่นนี้ช่วยกระตุ้นสปิริตของทีมกลับมา และเขาก็มากลายเป็นฮีโร่ซัดประตูชัยเฉือน สุพรรณบุรี 1-0 ทำสถิติยังไม่แพ้ใครในการกลับมาคุมทีมของ "โค้ชจุ่น" อนุรักษ์ ศรีเกิด
กองหน้า : เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดซ (เอสซีจี เมืองทองฯ )
นี่คือฮีโร่และคนแบกทีมตัวจริงของ "กิเลนผยอง" ในยามที่ทีมถูกนำ 0-2 และ 1-3 หลายๆ คนอาจจะคิดว่าหมดหวังและท้อไปแล้ว แต่ เฮแบร์ตี้ คือคนที่นำทีมกลับมาด้วยการซัดแฮททริค ก่อนที่ทีมจะสร้างปาฏิหาริย์ขโมย 3 แต้มมาจาก สุโขทัย ได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 4-3
กองหน้า : เอ็ดการ์ ซิลวา(บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
เอ็ดการ์ ทำให้คุณเนวินต้องคิดหนักและทบทวนเยอะๆ หากจะหากองหน้ามาแทนเขา ด้วยผลงานซัดแฮททริกในเกมนี้ และเป็นการยิง 7 ประตู ในรอบ 4 เกมรวมทุกรายการเข้าไปแล้ว เกมบุกถล่มพัทยา 4-2 มาจากการทำประตูที่เพอร์เฟ็คทั้งการปั่นโค้งหน้ากรอบเขตโทษ, โหม่งเช็ด และ เข้าฮอร์สด้วยการวอลเลย์ นี่คือเกมที่น่าจะดีที่สุดอีกเกมหนึ่งของ เอ็ดการ์ กับทีม "ปราสาทสายฟ้า"
กองหน้า : แบร์กนา ดุมเบีย (ชัยนาท ฮอร์นบิล)
ยิงไป 1 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ ในเกมที่ช่วยให้ ชัยนาท เปิดบ้านถล่ม ประจวบ ไป 3-1 สร้างสถิติชนะ 4 นัดในรอบ 5 เกมหลังสุด โดยทั้งสามประตูที่ "นกใหญ่พิฆาต" ทำได้มาจากเขาทั้งสิ้น การแอสซิสต์ทั้งสองประตูให้คู่หูอย่าง ดิยุฟ บุรัม นั้นคนยิงก็มีหน้าที่แค่จิ้มบอลให้เข้ากรอบเท่านั้นเอง
เฮดโค้ช : ราโดวาน ชูร์ชิช (เอสซีจี เมืองทองฯ)
แก้เกมได้เห็นผลชัดเจนจริงๆ หลังจากที่ทีมถูกนำห่างตลอดทั้ง 0-2 และ 1-3 กุนซือชาวเซิร์บจัดการส่งตัวรุกอย่าง ชาช่า ลงมาแก้เกม และใช้การโจมตีทุกรูปแบบเข้าใส่ ส่วนหนึ่งอาจต้องยกความดีความชอบให้ เฮแบร์ตี้ ที่ยังคงแบกทีมไว้ได้อีกครั้ง แต่ก็ต้องให้เครดิต ชูร์ชิช ด้วยเช่นกันเพราะครึ่งแรกกับครึ่งหลังเกมต่างกันเยอะมากโดยเฉพาะแนวรับที่ไม่เสียประตูเพิ่มทั้งที่โดนจังหวะสวนกลับเล่นงานหลายครั้ง พร้อมกับพาทีมคว้าชัย 2 เกมติดต่อกันในการเฝ้ารัง เอสซีจี สเตเดี้ยมได้อีกด้วย