TOYOTA Thai League Player Of The Week ประจำสัปดาห์ที่ 17
11 ผู้เล่นยอดเยี่ยม ศึกโตโยต้า ไทยลีก 2018 ประจำสัปดาห์ที่ 17
แผนการเล่น : 3-4-3
ประตู : สินทวีชัย หทัยรัตนกุล (สุพรรณบุรี เอฟซี)
ยังคงเป็นที่พึ่งในแนวรับของทีมได้เสมอสำหรับ "เจ้าตี๋" เกมนี้โชว์ซูเปอร์เซฟช็อตเว่อร์ๆ ให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่้ว่าจะเป็นการปิดมุมยิงของ อมร ธรรมนาม ที่กระชากกองหลังหลุดมาเข้าซ้ายเหน่งๆ แล้ว รวมถึงอีกครั้งที่ อมร ปั่นจากนอกกรอบด้วยขวาบอลจะมุมเสียบใต้คานอยู่แล้วแต่ สินทวีชัย ก็ยังลอยตัวปัดออกไปได้อย่างเหนือชั้น ถ้าไม่ได้ฟอร์มเหนียวหนึบแบบนี้มีโอกาสสูงมากที่ "ช้างศึกยุทธหัตถี" อาจเก็บไม่ได้แม้แต่แต้มเดียวในรัง
กองหลัง : อภิสิทธิ์ ขวนขวาย (อุบล ยูเอ็มที)
นัดนี้ช่วยเกมรับได้มากจริงๆ สำหรับ "เจ้าแบงค์" โดยเฉพาะที่โหม่งสกัดบอลออกมาจากเส้นประตูได้แบบหวุดหวิด รวมถึงจังหวะเติมเกมรุกก็มีให้เห็นเป็นระยะ หลายคนอาจไม่ทราบว่าเขาเคยมีชื่ออยู่ในทีมชุดแชมป์ซีเกมส์ 2011 ยุคของ "น้าเหม่ง" ประพล พงษ์พานิช ก่อนถูกตัดตัวในรอบ 30 คนสุดท้ายมาแล้ว
กองหลัง : เอเวอร์ตัน กอนซัลเวส (ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด)
เกมรับก็ยังคงไว้ใจได้เสมอสำหรับปราการหลังชาวบราซิเลียน แต่ยิ่งไปกว่านั้น เอเวอร์ตัน ยังทำประตูได้อีกครั้งจากการเติมขึ้นมาโหม่งลูกเซ็ตพีซที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเขา พร้อมกับเป็นประตูชัยให้ขุนพล "แข้งเทพ" ยังจี้ติดบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีมจ่าฝูงเหลือระยะห่าง 2 คะแนนเหมือนเดิม
กองหลัง : กรกช วิริยอุดมศิริ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
เกมนี้้บอลรุกทางริมเส้นของ "ปราสาทสายฟ้า" ผ่านตลอดดีเหลือเกิน โดยเฉพาะการประสานงานทางฝั่งซ้ายที่เข้าขากันมากๆ การเติมเกมของ "เจ้ามิงค์" ดูไหลลื่นเนียนตาทั้งการผ่านบอลและลูกครอส แถมยังยิงประตูจากลูกวอลเลย์สุดสวยเป็นการฉลองการถูกเรียกติดทีมชาติไทยชุดใหญ่อีกครั้ง
กองกลาง : ศราวุฒิ มาสุข (นครราชสีมา มาสด้า)
มีบางคนเคยบอกว่าเขาอยู่ในช่วงขาลงเพราะปัญหาอาการบาดเจ็บเรื้อรัง และช่วยทีม "สวาดแคท" ได้ไม่มากเท่าที่ควร นัดนี้คือนัดสุดท้ายกับทีม "สวาดแคท" ก่อนถูก บีจี ต้นสังกัดที่แท้จริงดึงกลับไปในเลกสอง ทว่า "เจ้าหนุ่ย" แสดงให้ทุกคนได้เห็นเต็มตาว่าถึงแม้ตัวจะต้องไปแต่สปิริตเพื่อทีมยังเต็มที่เหมือนเดิม ด้วยการเหมาคนเดียว 2 ประตูที่เหนือชั้นสุดๆ ช่วยพาทีมพลิกล็อคบุกชนะ สิงห์เชียงราย ได้ถึงถิ่น
กองกลาง : เซร์คิโอ ซัวเรซ (การท่าเรือ เอฟซี)
เป็นกองกลางแต่บทบาทเหมือนกับเป็นกองหน้าตัวเป้าอย่างไงอย่างงั้น จังหวะเข้าฮอร์สลูกเปิดของปกรณ์แสดงให้เห็นว่าแข้งสแปนิชรายนี้มีวิญญาณเพชฌฆานในกรอบเขตโทษมากเพียงใด นอกจากนั้นยังสร้างโอกาสให้ทั้งตัวเองและเพื่อนร่วมทีมได้ลุ้นประตูอีกหลายครั้ง ก่อนที่ลูกยิงของเขาจะเป็นประตูชัยให้ "สิงห์เจ้าท่า" บุกมายัดเยียดความปราชัยให้ ชลบุรี ได้ถึงถิ่น
กองกลาง : ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
"เจ้าแบงค์" ใช้เวลาเพียง 45 นาทีในครึ่งหลัง ลงมาซัดคนเดียว 2 ประตู ช่วงแรกเหมือนจะลงมายืนเป็นกองกลางตัวรุก แต่พอเห็นแนวรับ แอร์ฟอร์ซ ยืนกันค่อนข้างหลวม ก็ถูกดันขึ้นไปค้ำแดนหน้าและไม่ทำให้บรรดาแม่ยกต้องผิดหวัง พร้อมกับกลายเป็นเจ้าของสถิติยิงประตูอายุน้อยที่สุดในไทยลีกไปเรียบร้อยด้วยวัยเพียง 15 ปี 9 เดือน 25 วัน
กองกลาง : อ่อง ตู (โปลิศ เทโร)
ฟอร์มแรงต่อเนื่องดีจริงๆ สำหรับเพลย์เมกเกอร์เมียนมาวัย 21 ปี ที่โชว์ลีลาบัญชาเกมรุกและแอสซิสต์ให้เพื่อนยิงได้ถึง 3 ประตู ก่อนปิดเกมอย่างสมบูรณ์แบบด้วยการทำประตูลูกสุดท้ายให้ "มังกรโล่เงิน" ถล่มเอาชนะ ราชนาวี ด้วยสกอร์มโหฬารถึง 6-3 ทำให้สกอร์รวมตอนนี้ อ่อง ตู ซัดไปแล้วถึง 10 ประตู
กองหน้า : เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดซ (เอสซีจี เมืองทองฯ )
รับบทเป็นเดอะแบกของ "กิเลนผยอง" อีกครั้งหลังจากที่ทีมต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนตั้งแต่นาที 8 ทว่า เฮแบร์ตี้ แสดงให้เห็นอีกครั้งว่าตราบใดที่มีเขาอยู่ในสนาม ทีมยังมีโอกาสคัมแบ็คได้เสมอ และเกมนี้ก็เหมาคนเดียว 2 ประตูช่วยให้ทีมบุกถล่ีม พัทยา ถึงถิ่นด้วยสกอร์ขาดลอยเกินคาด 4-0 โดยเฉพาะลูกที่เลี้ยงจากแดนตัวเองหลบคู่แข่ง 4 คนก่อนซัดเต็มข้อตุงตาข่ายมันช่างสุดยอดจริงๆ
กองหน้า : มิชาเอล เอ็นดรี้ (โปลิศ เทโร)
หัวหอกเฟรนช์แมนทำแฮททริกได้อีกครั้งในเกมสุดมันส์ที่ยิงกันรวมถึง 9 ประตู เอ็นดรี้แสดงให้เห็นถึงความเด็ดขาดในจังหวะจบสกอร์รวมไปถึงสไตล์การเล่นที่ทำเพื่อทีมด้วยการแอสซิสต์คืนให้พาร์ทเนอร์อย่าง อ่อง ตู ทำประตูปิดกล่อง แถมยังมีบทบาทกับทุกประตูที่ทีมทำได้อีกด้วย
กองหน้า : เนลสัน โบนีญ่า (สุโขทัย เอฟซี)
เขากลับมาแล้ว สำหรับหัวหอกทีมชาติเอลซัลวาดอร์รายนี้ หลังจากไร้ชื่อในสกอร์บอร์ดไปนาน เกมนี้คงอัดอั้นมาเยอะเลยจัดแฮททริกใส่ ราชบุรี ไปเต็มๆ จากสถานการณ์ที่ทีมตกเป็นฝ่ายตามหลังและตีเสมอได้ 2 ครั้ง 2 ครา ก่อนจะรับบทแฮททริกฮีโร่ซัดประตูชัยให้ "ค้างคาวไฟ" เก็บชัยชนะนัดแรกในรอบ 4 เกมได้สำเร็จ
เฮดโค้ช : ญาณวิทย์ คันธราษฎร์ (สุโขทัย เอฟซี)
แม้ตามหน้าสื่อจะระบุว่า "โค้ชเบนซ์" เป็นเพียงกุนซือขัดตาทัพ แต่ภายในทีมรู้กันว่าเขานี่แหละที่ทำงานอยู่เบื้องหลังและกำลังถูกผลักดันขึ้นมาเป็นเฮดโค้ชให้ทีม "ค้างคาวไฟ" นัดนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าดีกรี เอ ไลเซนส์ ยูฟ่า จาก อังกฤษ คนเดียวในประเทศไทยไม่ได้มาเพราะโชค ทั้งการแก้เกมในสถานการณ์ที่ทีมถูกนำไปก่อนถึง 2 ครั้งสองครา และสามารถดึงศักยภาพของ เนลสัน โบนีญ่า ที่เงียบไปนานให้กลับมาเปรี้ยงด้วยการเหมาแฮททริค จนทีมคว้าชัยเหนือทีมแกร่งอย่างราชบุรี ได้สำเร็จ