TOYOTA Thai League Player Of The Week ประจำสัปดาห์ที่ 18
11 ผู้เล่นยอดเยี่ยม ศึกโตโยต้า ไทยลีก 2018 ประจำสัปดาห์ที่ 18
แผนการเล่น : 4-4-2
ประตู : อินทรัตน์ อภิญญากุล (ราชนาวี)
นี่น่าจะเป็นเกมที่ดีที่สุดของ "เจ้าออฟ" ในฤดูกาลนี้เลยก็ว่าได้ จากสถานการณ์ที่ทีมถูกถล่มขาดลอยมาหลายเกมในช่วงท้ายเลกแรก แต่พอเริ่มเลกสอง ราชนาวี กลับโชว์ฟอร์มเป็นพระเอกไล่ถล่ม ชลบุรี เอฟซี ในศึกบูรพาดาร์ีบี้แมตช์ขาดลอยถึง 3-1 ซึ่งฟอร์มเซฟของนายด่านวัย 36 ปีช่วยทีมไว้หลายครั้งมาก ทั้งจังหวะการเซฟลูกยากๆ และการออกบอลซึ่งมีส่วนสำคัญในการได้ประตูขึ้นนำ 2-0 อีกด้วย
กองหลัง : ปิยชาติ ถามะพันธ์ (พีที ประจวบ)
ย้ายจาก อุบล ยูเอ็มที มารับบทเจ้าพ่อลูกนิ่งให้ "ต่อพิฆาต" แล้วก็ถือว่าไม่เสียแรงที่ถูกคาดหวังไว้สูง เพราะ "เจ้าแมท" สร้างโอกาสให้ทีมได้ลุ้นจากฟรีคิกหลายต่อหลายครั้ง โดยได้แอสซิสต์มาหนึ่งลูกจากการเปิดให้ โชนาธาน เฮส โหม่งจ่อๆ เข้าไป ส่วนเกมรับก็ช่วยทีมได้เยอะในการป้องกันลูกริมเส้นของอดีตต้นสังกัดเก่า ช่วยให้ทีมคว้า 3 คะแนนแรกในเลกสองได้สำเร็จ
กองหลัง : อี วอน ยัง (พัทยา ยูไนเต็ด)
เล่นเกมรับได้แข็งแกร่งมากสำหรับกองหลังสายเลือดกิมจิรายนี้ ไม่ว่าต้องเจอ ดิยุฟ บีรัม, แบร์กนา อองรี หรือ ฟลอร็องต์ ซินาม่า ปงโกลล์ ก็เอาอยู่หมดในการเล่นแบบโอเพ่นเพลย์ และช่วยให้ทีมเก็บ 3 แต้มสำคัญต่อการลุ้นหนีตกชั้น
กองหลัง : ฟิลิปป์ โรลเลอร์ (ราชบุรี มิตรผล)
กลับมาประจำการแบ็กขวาอีกครั้ง และโชว์ฟอร์มสมราคาทีมชาติไทย เมื่อทั้งเปิดให้ สมปอง สอเหลบ โหม่งประตูชัย รวมถึงเติมเกมรุกมันส์ๆ ทางกราบขวาตลอดทั้งเกม คอยหาจังหวะซัดไกลจากนอกกรอบได้สวยๆ แถมยังช่วยบล็อกลูกยิงจ่อๆ ของ ธรรมชาติ นาคะพันธ์ ได้อีกทำให้ทีมเก็บคลีนชีทกลับบ้านได้
กองหลัง : มงคล นามนวด (ราชนาวี)
เกมริมเส้นของ ชลบุรี ทางฝั่งขวาแทบขึ้นมาไม่ได้เพราะ ราชนาวี มี มงคล นามนวด ประจำการอยู่ "เจ้ามง" ตัดบอลสวยๆ ได้หลายครั้งและคอยหาจังหวะสร้างโอกาสสวนกลับอย่างมีชั้นเชิงไม่ออกอาการโฉ่งฉ่างพรวดพราดให้เห็น ถือว่าเป็นเกมที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากที่ช่วยให้ ราชนาวี เก็บชัยนัดแรกในรอบ 75 วันได้สำเร็จ
กองกลาง : ศิวกรณ์ เตียตระกูล (สิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด)
คว้าตำแหน่งแมนออฟเดอะแมตช์ในเกมที่ "กว่างโซ้ง" ไล่ถล่ม สุโขทัย ขาดลอย 4-0 ด้วยผลงานยิง 1 แอสซิสต์ 2 สร้างโอกาสในเกมรุกให้กับทีมได้อย่างต่อเนื่องทางฝั่งขวา พาทีมเก็บ 3 แต้มเต็มประเดิมเลกสองได้ตามเป้าหมาย
กองกลาง : สุมัญญา ปุริสาย (ทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด)
ทำผลงานโดดเด่นอีกครั้งต่อหน้าทีมงานของ มิโลวาน ราเยวัช โดยเฉพาะลูกยิงให้ทีมขึ้นนำ 2-0 ที่ลากบอลหลบแนวรับ โปลิศ เทโร 2 คนก่อนล็อกหลบ นนท์ ม่วงงาม เข้าไปเลือกยิงโล่งๆ แถมตลอดเกมก็ประสานงานกับเพื่อนเข้าไปลุ้นทำประตูหลายต่อหลายครั้ง โชว์ลีลากระชากลากเลื้อยจนกองหลังทีมเยือนล้มลุกคลุกคลาน เหมือนส่งคำถามไปยังกุนซือทีมชาติไทยว่า จะส่งเขาลงเล่นได้หรือยัง
กองกลาง : สุภโชค สารชาติ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
มีส่วนร่วมเต็มๆ กับทั้งสองประตูที่ "ปราสาทสายฟ้า" บุกชนะ บางกอกกล๊าส ได้สำเร็จ ทั้งการทำชิ่งวันทูให้ ดิโอโก้ หลุดไปยิงจ่อๆ ลูกแรก และประตูชัยที่แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจด้วยการลากขึ้นไปยิงหน้ากรอบเขตโทษเสียบเสาสองอย่างงดงาม อีกทั้งเกมรับก็ลงมาช่วยบีบแดนกลางของ "กระต่ายแก้ว" ได้อย่างมีวินัย
กองกลาง : อมร ธรรมนาม (พีที ประจวบ )
แม้จะอายุ 36 ปีเข้าไปแล้ว แต่ อมร ถือเป็นผู้เล่นไทยที่มาตรฐานสูงที่สุดคนหนึ่งในไทยลีกฤดูกาลนี้ ทั้งการครอสด้วยเท้าขวาข้างไม่ถนัดให้ ลอนซาน่า ดุมบูย่า โหม่งทำประตู รวมถึงมีโอกาสยิงประตูเองและจ่ายให้เพื่อนอีกหลายครั้ง นัดนี้น่าจะมีชื่อของเขาขึ้นสกอร์บอร์ดด้วยซ้ำ น่าเสียดายที่จังหวะส่งบอลเข้าก้นตาข่ายดันล้ำหน้าไปเสียก่อน
กองหน้า : เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดซ (เอสซีจี เมืองทองฯ )
มาตรฐานคงเส้นคงวาเช่นเคยสำหรับศูนย์หน้าชาวบราซิล ที่ไม่ได้มีดีแค่ยิงประตู แต่ยังสร้างโอกาสให้เพื่อนตลอดทั้งเกม นัดนี้โชว์ฟอร์มยิง 1 จ่าย 1 จังหวะที่ใช้ความขยันไปฉกบอลมาจาก เควิน ดีรมรัมย์ ก่อนส่งให้ สารัช อยู่เย็น ซัดประตู รวมถึงลูกที่ลากเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนชิ่งกับ ชาช่า และยิงเสียบมุมด้วยเท้าซ้ายข้างถนัด ถือเป็นบทพิสูจน์ว่าเขาสมควรแล้วที่จะได้รับการต่อสัญญาเพิ่มไปอีก 2 ปี
กองหน้า : สมปอง สอเหลบ (ราชบุรี มิตรผล)
กลับมายืนตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าอีกครั้งในการประสานงานกับ มาร์ค ฮาร์ทมันน์ และเล่นได้เข้าขากันอย่างลงตัว สลับกันสร้างโอกาสให้กันและกัน นัดนี้ สมปอง มีโอกาสเยอะมากจากการเคลื่อนที่ยามไม่มีบอลได้ดี โหม่งได้ 1 ประตูจากการเปิดของ ฟิลิปป์ โรลเลอร์ และน่าจะซัดได้มากกว่านี้ด้วยซ้ำหากลูกยิงไม่ถูกปฏิเสธโดยนายทวารและกองหลังของ แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล
เฮดโค้ช : ลูโบเมียร์ รีตอฟสกี้ (ราชนาวี)
สถานการณ์ช่วงท้ายเลกแรกของ ราชนาวี เป็นสิ่งที่กุนซือทุกคนที่จะเข้ามารับงานต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจะเอาชื่อมาทิ้งหรือเปล่า ด้วยผลงานไม่ชนะใครมา 10 เกม รวมทั้งสิ้น 75 วัน แถมเสียประตูถล่มทลายแทบทุกนัด แต่กุนซือใหม่ชาวเซิร์บคนนี้เข้ามาเปลี่ยนแปลงทีมในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่ถึง 2 สัปดาห์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ "ตะหานน้ำ" กลายเป็นทีมที่มีทีเด็ดทีขาดในการเข้าทำมากขึ้น เกมรับก็ดูมีสมาธิไม่ลนลานเหมือนที่ผ่านมา เหมือนกับกลายเป็นคนละทีมกับเลกแรกไปแล้ว และชัยชนะเหนือ ชลบุรี ในเกมดาร์บี้แมตช์ภาคตะวันออก ก็ต้องยกเครดิตให้มันสมองของอดีตกุนซือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีมบี ผู้นี้จริงๆ