TOYOTA Thai League Player Of The Week ประจำสัปดาห์ที่ 21
11 ผู้เล่นยอดเยี่ยม ศึกโตโยต้า ไทยลีก 2018 ประจำสัปดาห์ที่ 21
แผนการเล่น : 4-3-3
ประตู : แซมมวล ป.คันนิงแฮม (นครราชสีมา มาสด้า)
แม้เป็นอีกเกมที่ นครราชสีมา ไม่สามารถเก็บ 3 แต้มได้ แต่ฟอร์มของ แซมมวล มีส่วนสำคัญช่วยเซฟให้ทีมมีแต้มกลับออกมาจากทุ่ง ทะเลหลวงเพราะุถูกเจ้าถิ่นโหมบุกเข้าใส่อย่างหนักตลอดทั้งเกม โดยเฉพาะช่วงท้ายที่ปัดบอลออกจากเส้นประตูทำให้ทีมเก็บ 1 คะแนนกลับบ้านได้สำเร็จ
กองหลัง : กรกช วิริยะอุดมศิริ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
"มิ้ง" เติมเกมบุกได้สวยๆ ทางกราบซ้ายหลายครั้งและเป็นคนยิงตีเสมอให้ทีมจากจังหวะโอเวอร์แล็ปขึ้นมาในกรอบเขตโทษ นอกจากนั้นบอลครอสและฟรีคิกที่เจ้าตัวรับเหมาก็กดดันแนวรับของ แบงค็อก ยูไนเต็ด ได้เป็นอย่างดี รวมถึงเกมรับริมเส้นที่รับมือกับผู้เล่นของ "แข้งเทพ" ได้อย่างถึงพริกถึงขิง
กองหลัง : ควอน แด-ฮี (พีที ประจวบ)
ปราการหลังโสมขาวเล่นเกมรับได้ดุดันในการรับมือกับหอกระดับพระกาฬอย่าง เฮแบร์ตี้ และ ชาช่า อีกทั้งแอสซิสต์ให้ อมร ธรรมนาม ยิงประตูเบิกร่องให้ทีมขึ้นนำซึ่งมีผลอย่างมากที่ทำให้ "ต่อพิฆาต" มีความมั่นใจมากขึ้นจนกระทั่งย้ำแค้น "กิเลนผยอง" ได้สำเร็จ
กองหลัง : อี วอน แจ (นครราชสีมา มาสด้า)
ทำประตูได้อีกครั้งสำหรับ อี วอน-แจ แถมในเกมรับก็เป็นหัวใจสำคัญในการสั่งการเพื่อนร่วมทีม ช่วยกันสกัดกั้นเกมรุกของ สุโขทัย ที่โหมบุกเข้าใส่ทุกรูปแบบ ถือเป็นผู้เล่นที่ "สวาดแคท" จะขาดไปไม่ได้เลย ณ ชั่วโมงนี้
กองหลัง : ดาวิด โรเชลา (การท่าเรือ)
3 คะแนนที่ "สิงห์เจ้าท่า" คว้าออกมาได้จากถิ่นของ อุบล ยูเอ็มที ต้องยกเครดิตสำคัญให้ปราการหลังสแปนิช รายนี้ทั้งการในฐานะผู้โหม่งประตูชัยให้ทีม รวมถึงในเกมรับก็จัดการตัวรุกของ "เทพอินทรี" ได้อยู่หมัด
กองกลาง : อมร ธรรมนาม (พีที ประจวบ)
ปีกจอมเก๋าของ "ต่อพิฆาต" ทำเกมรุกริมเส้นฝั่งซ้ายได้อย่างวูบวาบตลอดทั้งการกระชากลากเลื้อยและครอสบอล รวมถึงเป็นคนทำประตูให้ทีมออกนำก่อน ทำให้ตอนนี้สถิติเจาะตาข่ายของเจ้าตัวทะลุ 8 ลูกเข้าไปแล้ว
กองกลาง : อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ (บางกอกกล๊าส)
กลับมาประจำการในบทบาทเพลย์เมกเกอร์ภายใต้การทำทีมของ "โค้ชจุ่น" กุนซือที่เคยปลุกปั้นเจ้าตัวในตำแหน่งนี้มาตั้งแต่สมัยติดทีมชาติไทยยู-19 และถือว่าตอบแทนความไว้วางใจได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการยิง 1 ประตูจ่าย 2 แอสซิสต์ และมีส่วนร่วมกับเกมรุกของ "กระต่ายแก้ว" แทบทุกจังหวะ
กองกลาง : ศศลักษณ์ ไหประโคน (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
"เจ้าพี" ขึ้นมาเล่นเกมรุกอย่างเต็มตัวและถือว่าความมั่นใจรวมถึงความแข็งแกร่งนั้นเกินวัย 22 ปีไปเยอะแล้ว ด้วยสไตล์การเล่นที่กล้าเลี้ยงกินตัวและบดสู้กับคู่แข่งชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน มีส่วนกับประตูแรกที่เป็นคนเริ่มต้นพาบอลขึ้นมาด้านข้าง แล้วยังเป็นคนซัดประตูชัยให้ "ปราสาทสายฟ้า" เอาชนะอดีตต้นสังกัดเก่าของตัวเองไปได้อีก
กองหน้า : สุรชาติ สารีพิมพ์ (บางกอกกล๊าส)
เกมรุกของ "บีจี" ดุดันดีเหลือเกินเมื่อเจอกับทีมที่เล่นเกมรุกชนิดถอยหลังหกล้มเหมือนกันแบบนี้ "เจ้าเก่ง" เล่นประสานงานกับ อาเรียล โรดริเกวซ, ดาบิด บาลา และเพื่อนร่วมทีมได้อย่างลงตัวในบทบาทตัวพักบอลและเข้าฮอร์ส นัดนี้เหมาคนเดียว 2 ประตู ซึ่งถ้าเล่นเข้าขากันแบบนี้ต่อไป ไม่ว่าเจอทีมไหนก็ถือเป็นฝันร้ายของคู่แข่งแน่นอน
กองหน้า : อาเรียล โรดริเกวซ (บางกอกกล๊าส)
ซัดแฮททริคแรกได้สำเร็จนับตั้งแต่กลับมาจากลีกบ้านเกิด ถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่ "กระต่ายแก้ว" ขาดมานานในฐานะตัวล่าตาข่าย การเล่นเกมรุกเต็มตัวแบบนี้เข้าทางหัวหอกคอสตาริก้า ที่จมูกไวในกรอบเขตโทษอีกทั้งยังมีจังหวะสร้างโอกาสด้วยตัวเองได้สวยๆ หลายครั้งเลยทีเดียว
กองหน้า : เคลตัน ซิลวา (สุพรรณบุรี เอฟซี)
กลับมาอยู่กับกุนซือคู่บุญอย่าง "โค้ชเบ๊" ต้องบอกว่า เคลตัน ซิลวา เหมือนถูกชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ อาจจะเรียกได้ว่าได้อยู่กับโค้ชที่รู้วิธีการใช้งานเขาให้เกิดประโยชน์ได้อีกครั้ง หลังไปฟอร์มฝืดอยู่กับ สิงห์เชียงราย ตลอดเลกแรก เกมนี้ เคลตัน แสดงให้เห็นถึงวิญญาณเพชฌฆาตที่ยังเต็มเปี่ยมด้วยการซัดไปคนเดียวถึง 2 ประตู
เฮดโค้ช : อนุรักษ์ ศรีเกิด (บางกอกกล๊าส)
เป็นเกมที่เอ็นเตอร์เทนแฟนบอลอย่างสมบูรณ์แบบเพราะยิงกันรวมถึง 11 ประตู "โค้ชจุ่น" ยังคงยึดปรัชญาการทำทีมโดยเน้นเกมรุกเป็นหลักโดยเฉพาะแดนกลางและกองหน้าต้องเลี้ยงกินตัวได้ทุกคน ซึ่งผู้เล่นที่ "โค้ชจุ่น" เลือกในที่สุดก็ประสานกันได้ลงตัวเสียที การจับ อาเรียล โรดริเกวซ, ดาวิด บาลา และ สุรชาติ สารีพิมพ์ ลงพร้อมกัน แถมยังมีตัวรุกอย่าง อานนท์ อมรเลิศศักดิ์, ศราวุฒิ มาสุข ทำเกมด้านหลังอีกต้องถือว่าเป็นสไตล์สะใจขาบู๊ และ "โค้ชจุ่น" ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าปรัชญาของเขามันเวิร์คด้วยการถล่ม ชลบุรี ขาดลอยถึง 7-4