การแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก 2018 เมื่อวันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม 2561 ที่ ช้างอารีนา “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านรับการมาเยือนของ “ช้างศึกยุทธหัตถี” สุพรรณ เอฟซี
เริ่มเกมครึ่งแรก สุพรรณ เป็นฝ่ายเขี่ยบอลเล่นก่อนบุกจากขวามาซ้าย ส่วน บุรีรัมย์ บุกจากซ้ายไปขวาของสนามแข่งขัน
นาทีที่ 2 บุรีรัมย์ ได้เตะมุมทางซ้าย ออสวัลโด ฟิลโญ เปิดเข้ามาที่เสาแรก อันเดรส ตูเญซ โขกเช็ดเข้าไปที่เสาสอง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทะยานออกนำ 1-0
นาทีที่ 17 สุพรรณบุรี ที่สกอร์ตามหลังเริ่มครองบอลได้บ้าง สุบรรณ เงินประเสริฐ ได้บอลหน้าเขตโทษก่อนจะตะบันเต็มข้อบอลพุ่งออกหลังไป
นาทีที่ 30 ทั้ง 2 เปิดเกมแลกใส่กันอย่างสนุก ก่อนที่ ช้างศึกยุทธหัตถี จะมาได้ลุ้น ชนานันท์ ป้อมบุบผา ได้บอลทางซ้ายก่อนจะแตะเข้ากลางแล้วตั้งป้อมยิงบอลพุ่งน่ากลัวก่อนที่จะเหินข้ามคานออกไปนิดเดียว
นาทีที่ 37 ปราสาทสายฟ้า มาได้ฟรีคิกระยะน่าลุ้นหน้าเขตโทษเยื้องมาทางขวา ดิโอโก หลุยส์ ซานโต วิ่งเข้าไปยิงบอลพุ่งไปตรงตัว สินทวีชัย หทัยรัตนกุล ที่ยืนถูกที่รับบอลไว้ได้
นาทีที่ 43 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เกือบที่จะได้ประตูที่ 2 ออสวัลโด ได้หลุดไปทางขวาของเขตโทษก่อนจะปาดเข้าหน้าปากประตูให้ ศุภชัย ใจเด็ด ได้เข้าชาร์จ ทว่า สินทวีชัย ล้มตัวรับบอลไว้ได้
นาทีที่ 45+1 สุพรรณบุรี มาได้ลุ้น วสันต์ ฮมแสน ได้ขึ้นเกมไปสุดเส้นหลังฝั่งขวาก่อนจะเปิดย้อนเข้าเขตโทษให้ กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์ ได้ซัดติดบล็อกผู้เล่นบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บอลเด้งพ้นอันตรายออกมา จากนั้นก็ไม่มีจังหวะได้ลุ้นเพิ่ม ทำให้หมดครึ่งแรก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ออกนำ สุพรรณบุรี เอฟซี อยู่ 1-0
กลับมาเล่นครึ่งเวลาหลัง นาทีที่ 47 ดิโอโก ขึ้นเกมทางซ้ายก่อนจะตอกส้นให้ กรกช วิริยอุดมศิริ ได้หลุดไปที่สุดเส้นหลังในรอบเขตโทษ ก่อนที่ กรกช พยายามจะจ่ายใส่พานให้ ออสวัลโด แต่ทว่ากองหลังสุพรรณบุรี ยืนดักทางสกัดบอลไว้ได้ก่อน
นาทีที่ 52 บุรีรัมย์ มาได้ฟรีคิกระยะอันตราย จักรพันธ์ เขี่ยบอลขึ้นนห้าให้ ดิโอโก วิ่งเข้ายิงติดกำแพง และกลายเป็น สุพรรณบุรี ได้เล่นโต้กลับเร็วก่อนที่บอลจะไปถึง ธนาสิทธิ์ ศิริผลา ได้หลุดเข้าไปยิงผ่าน ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน เข้าประตูไป สุพรรณบุรี ตีเสมอ 1-1
นาทีที่ 60 ผู้ตัดสินก็มาเป่าจุดโทษให้ ปราสาทสายฟ้า จากจังหวะที่ จักรพันธ์ วางบอลขึ้นนหน้า ดิโอโก ใช้ความเร็วควบเบียดกองหลังทีมเยือนหลุดเข้าไปในเขตโทษ สุพรรณ ทองสงค์ เสียบสกัด ดิโอโก อันตรายจากด้านหลัง ผู้ตัดสินจึงเป่าให้เป็นจุดโทษ
นาทีที่ 62 หลังจากเหตุการณ์สงบลง ดิโอโก ที่โดนตัดเกมลุกขึ้นมารับหน้าที่สังหาร เข้าไปที่เสาขวามือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ออกนำอีกครั้ง 2-1
นาทีที่ 71 บุรีรัมย์ มาได้ฟรีคิกทางซ้าย กรกช เปิดเข้าไปที่เสาสอง ฮาเวียร์ ปาติญโญ ที่ยืนอยู่คนเดียว พยายามจะวอลเลย์ แต่ทว่าไม่โดนบอลทำให้พลาดโอกาสได้ประตูหนีห่าง
นาทีที่ 81 กรกช ได้บอลในเขตโทษสุดเส้นหลังอีกครั้งก่อนจะยกเข้ากลางให้ สุภโชค สารชาติ ได้พักอกแล้วยิงติดบล็อก แอนเดอร์สัน ดอส ซานโต๊ส อย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 87 บุรีรัมย์ ได้เล่นโต้กลับ สุภโชค กระโดดเตะตัดบอลได้ที่กลางสนามให้ ดิโอโก ได้กระชากเข้าเขตโทษแล้วเปิดไปที่เสาสอง ฮาเวียร์ ปาติญโญ ได้วอลเลย์แต่โดนไม่ดีทำให้พลาดการได้ประตูไปอีกครั้ง
นาทีที่ 88 ฮาเวียร์ ปาติญโญ ได้มีโอกาสยิงในกรอบเขตโทษ แต่ สินทวีชัย หทัยรัตนกุล พุ่งปัดบอลออกหลังไปได้อย่างเหลือเชื่อ
จากนั้นไม่มีฝ่ายใดที่มีโอกาสลุ้นยิงประตู ทำให้จบเกม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เอาชนะ สุพรรณบุรี เอฟซี ไปได้ 2-1 คว้า 3 คะแนนไปครองอีกนัด พร้อมกับรักษาจ่าฝูงได้เหนียวแน่น ด้วยการมี 62 คะแนน จากการแข่งขัน 25 นัด นำหน้า แบงค็อก ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 2 ไปไกลถึง 12 คะแนน แต่ แข้งเทพ แข่งน้อยกว่า 1 นัด
รายชื่อผู้เล่นทั้ง 2 ทีม
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด : ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน (ผู้รักษาประตู), ยู จุนซู, อันเดรส ตูเญซ, พรรษา เหมวิบูลย์, กรกช วิริยอุดมศิริ, สุเชาว์ นุชนุ่ม (C) (สุภโชค สารชาติ น.46), รัตนากร ใหม่คามิ (ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา น.90+4), จักรพันธ์ แก้วพรม, ศุภชัย ใจเด็ด, ออสวัลโด ฟิลโญ (ฮาเวียร์ ปาติญโญ น.68), ดิโอโก หลุยส์ ซานโต
สุพรรณบุรี เอฟซี : สินทวีชัย หทัยรัตนกุล (ผู้รักษาประตู), วสันต์ ฮมแสน, สุพรรณ ทองสงค์, แอนเดอร์สัน ดอส ซานโต๊ส, นพพล ปิตะฝ่าย, สุบรรณ เงินประเสริฐ (ประสิทธิ์ จันทุม น.76), ทากาฟูมิ อากาโฮชิ, กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์, ธนาสิทธิ์ ศิริผลา (ศิริมงคล จิตบรรจง น.71), ชนานันท์ ป้อมบุบผา (ศุภเสกข์ ไก่แก้ว น.85), เคลตัน ซิลวา