"มาสเซอร์เด็จ"แบะท่าสนคุมทีมชาติไทยในอนาคต
กุนซือ การท่าเรือ สนใจรับงานคุมทัพ "ช้างศึก" โดยเฉพาะในชุดเยาวชน แต่ยังเหลือสัญญากับ "สิงห์เจ้าท่า" จนจบฤดูกาลนี้ ชี้การใช้โค้ชนอกไม่ทำให้เกิดการพัฒนาเพราะมาแป๊บๆ แล้วก็ไป แต่หากจ้างมาเพื่อถ่ายทอดความรู้ให้โค้ชไทยถึงจะเกิดประโยชน์ต่อวงการฟุตบอลไทยมากกว่า
หลังจากที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยประกาศยุติบทบาทการทำงานของ "โค้ชโย่ง" วรวุฒิ ศรีมะฆะ ในการเตรียมทีมชุดสู้ศึกโอลิมปิก 2020 รอบคัดเลือก ในช่วงเดือนมี.ค. ปีหน้า ทำให้ตำแหน่งนี้ว่างลงและต้องสรรหากุนซือคนใหม่เข้ามากุมบังเหียนแทนโดยยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าจะใช้โค้ชไทยหรือชาวต่างชาติ
ล่าสุด THSPORT ได้สอบถามไปยัง จเด็จ มีลาภ เฮดโค้ช การท่าเรือ เอฟซี ถึงเรื่องดังกล่าว ซึ่ง "มาสเซอร์เด็จ" เผยว่าตอนนี้ยังเหลือสัญญากับทีม "สิงห์เจ้าท่า" จนถึงเดือนต.ค. นี้ แต่ในอนาคตหากผู้ใหญ่มีการพูดคุยกันและไว้วางใจให้ตนรับใช้ทีมชาติก็ถือเป็นงานที่น่าท้าทาย และมองว่าในทีมระดับเยาวชนควรใช้โค้ชไทยมากกว่าต่างชาติ
"ตอนนี้ผมเหลือสัญญากับท่าเรือจนถึงเดือนตุลาคม ผมก็ต้องเคารพสัญญาที่มีอยู่ แต่ในอนาคตหากผู้ใหญ่มีการพูดคุยกันและไว้วางใจให้ผมทำงานทีมชาติก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทายนะ ในระดับชาติผมเคยคุมแค่ทีมนักเรียนไทยยุครายการเดอะวินเนอร์ของช่อง3 ที่มีพวก สุทธินันท์ พุกหอม, อนาวิน จูจีน, วิสูตร บุญเป็ง ไปได้แชมป์ที่อิหร่าน แล้วจากนั้นก็ทำแต่งานสโมสรมาตลอด"
"ผมไม่กลัวคนจะหาว่าเป็นเด็กของพี่เฮงนะ เพราะผมกับพี่เฮงก็มีสไตล์ที่แตกต่างกันเยอะ จริงๆ แล้วผมคิดว่าการจ้างโค้ชต่างชาติจะเหมาะกับทีมชุดใหญ่มากกว่า แล้วต้องมาเพื่อถ่ายทอดวิชาให้โค้ชไทย ไม่งั้นโค้ชไทยก็ไม่มีโอกาสพัฒนาเลย คนต่างชาติไม่รักประเทศไทยเท่าคนไทยหรอก จ้างมาพอผลงานไม่ดีเขาก็ไป ผมว่าถ้าเป็นระดับเยาวชนน่าจะใช้โค้ชไทยแล้วให้ไปศึกษาวิธีการทำงานกับโค้ชต่างชาติในทีมชาติชุดใหญ่ดีกว่า" มาสเซอร์เด็จกล่าว