"โค้ชโย่ง"กร้าวหากย้อนเวลาได้ก็ไม่ใช้แข้งอายุเกิน
อดีตกุนซือทีมชาติไทย ยืนยันอุดมการณ์ชัด ต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้ก็จะไม่เรียกแข้งอายุเกิน 23 ปีลุยศึกเอเชียนเกมส์ 2018 แน่นอน ชี้เป็นนโยบายที่วางรากฐานมาตั้งแต่ชุดซีเกมส์ เพื่อสร้างทีมสำหรับลุยโอลิมปิก 2020 พร้อมตอกกลับบรรดาโค้ชที่ออกมาวิจารณ์ว่า ด้วยเวลาการเตรียมทีมที่จำกัดแบบนี้ไม่ว่าใครก็คงยากจะทำทีมประสบความสำเร็จได้
แม้จะประสบความล้มเหลวในเอเชียนเกมส์ จนถูกแฟนบอลถล่มยับ ถึงการไม่เลือกใช้นักเตะโควตาอายุเกิน 23 ปี รวมถึงการเลือกใช้ผู้เล่นที่ไม่ได้ลงสนามสม่ำเสมอในเกมลีก ก่อนถูกสมาคมฟุตบอลประกาศยุติบทบาทการทำงาน อย่างไรก็ตาม "โค้ชโย่ง" วรวุฒิ ศรีมะฆะ ยังคงยืนยันชัดเจนว่าถึงแม้ย้อนเวลากลับไปได้ก็จะไม่ใช้โควตาอายุเกินแน่นอน เพราะจุดประสงค์ของการทำทีมชุดนี้ก็เพื่อสร้างทีมสำหรับไปลุยโอลิมปิก 2020 ซึ่งเป็นนโยบายที่ทำงานต่อเนื่องมาตั้งแต่ชุดแชมป์ซีเกมส์ 2017
"ถ้าย้อนเวลากลับไปได้พี่ก็ไม่ใช้อายุเกินอยู่ดีแหละ เพราะพี่เชื่อว่าเด็กชุดนี้น่ะมีฝีมือ แต่เราไม่มีเวลาในการฝึกซ้อมร่วมกันมากพอ เรารับนโยบายมาตั้งแต่ซีเกมส์แล้วว่าให้สร้างทีมชุดนี้ขึ้นมาเพื่อโอลิมปิก ถึงได้เห็นว่าตอนซีเกมส์เรามีนักเตะอายุไม่ถึง 20 ปีเยอะมาก โค้ชบางคนอาจจะมองว่าต้องใช้ผู้เล่นที่ดีที่สุดเพื่อเอาผลลัพธ์ แต่สำหรับพี่ถ้าทำแบบนั้นเด็กที่จะใช้เพื่อโอลิมปิกก็แทบไม่มีโอกาสได้ลงเล่นเลย แล้วพอไปคัดเลือกโอลิมปิกก็ต้องใช้เด็กพวกนี้อยู่ดี"
"โค้ชที่ออกมาวิจารณ์ พี่อยากให้ลองไปถามนักเตะที่เคยร่วมงานกับเขาดีกว่า ว่าเขาซ้อมยังไง ต้องคนที่เคยทำงานด้วยถึงจะรู้ แล้วพี่บอกได้เลยนะว่าถ้าซ้อมแบบนั้นมาคุมทีมชาติที่มีเวลาเจอนักเตะก่อนแข่งแค่ไม่กี่วันมันไปไม่รอดหรอก จะเอาเหมือนสมัยก่อนที่ได้ซ้อมเป็นเดือนๆ น่ะมันไม่มีทางเป็นไปได้แล้่ว"
"คนที่โอดครวญว่าไม่ได้รับโอกาสจากสมาคมน่ะ พี่มองว่าถ้าเป็นคนในวงการด้วยกันจะรู้ว่าปัญหาของเขามันอยู่ที่วิธีการซ้อม แล้วการทำทีมชาติเขาก็ต้องการให้โครงสร้างระบบการเล่นมันต่อเนื่องกัน ดังนั้นโค้ชที่อยากจะเข้ามาทำงานทีมชาติมันมีเยอะ แต่ถ้าแนวทางมันไปด้วยกันไม่ได้ต่างคนต่างแนวคิดแล้วจะทำงานต่อยอดกันได้ยังไงล่ะ" โค้ชโย่งกล่าว