TOYOTA Thai League Player Of The Week ประจำสัปดาห์ที่ 29
11 ผู้เล่นยอดเยี่ยม ศึกโตโยต้า ไทยลีก 2018 ประจำสัปดาห์ที่ 29
แผนการเล่น : 4-3-3
ประตู : ชนินทร์ แซ่เอียะ (ชลบุรี เอฟซี)
การบุกไปเยือน "ต่อพิฆาต" ในฤดูกาลนี้แล้วเก็บแต้มออกมาได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ในสถานการณ์ที่ถูกโหมเกมรุกเข้าใส่ทุกรูปแบบแต่ "เจ้าบาส" ก็โชว์ฟอร์มซูเปอร์เซฟเอาไว้ได้หมด เก็บ 1 แต้มสำคัญที่อาจส่งผลต่อการอยู่รอดของ "ฉลามชล" ไว้ได้
กองหลัง : ประลอง สาวันดี (นครราชสีมา มาสด้า)
เป็นผู้เล่นไทยที่ถูกอันเดอร์เรทไว้ต่ำกว่าความเป็นจริง ถ้าไม่ติดเรื่องปัญหาอาการบาดเจ็บ ผลงานที่ทำได้ในฤดูกาลนี้ "เจ้าโบด" ถิอเป็นแบ็กซ้ายที่ฟอร์มคงเส้นคงวาที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เกมนี้ช่วยทีมได้เยอะทั้งเกมรับริมเส้นที่รับมือกับความเร็วของผู้เล่นราชนาวีได้ดี แถมยังเป็นคนเติมขึ้นมาเปิดบอลให้ จักรกฤษ นิยมสุข ทำประตูชัยอีกด้วย
กองหลัง : มานูเอล ทอม เบียห์ร (ทรู แบงค็อกฯ)
ทำหน้าที่ของตัวเองในการเล่นเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะเจอสภาพสนามที่ยากต่อการคอนโทรลบอลเพราะฝนฟ้าไม่เป็นใจ แต่ปราการหลังลูกครึ่งไทย-เยอรมันก็ยังรักษามาตรฐานได้ดี แถมยังเติมขึ้นไปยิงประตูชัยให้ "แข้งเทพ" เฉือนชนะ อุบล ยูเอ็มที ได้สำเร็จ
กองหลัง : สุทธินันท์ พุกหอม (ชลบุรี เอฟซี)
"เจ้าเอ็ม" หายเจ็บกลับมาลงเล่นต่อเนื่องเป็นเกมที่สองพร้อมกับได้สวมปลอกแขนกัปตันทีม แล้วก็ไม่ทำให้แฟนบอลต้องผิดหวัง ด้วยการงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ถูกที่ถูกเวลา ทั้งการอ่านเกมเข้าสกัดบอล รวมถึงลูกกลางอากาศก็ทำได้อย่างไม่มีที่ติ ช่วยให้ "ฉลามชล" บุกไปแชร์แต้มจาก พีที ประจวบ ถึงรังสามอ่าวได้
กองหลัง : สุริยา สิงห์มุ้ย (สิงห์เชียงรายฯ)
เติมเกมรุกริมเส้นฝั่งซ้ายได้มันส์ดีเหลือเกินสำหรับ "เจ้าเทค" เกมนี้ทั้งสองประตูที่ "กว่างโซ้ง" ทำได้มาจากการแอสซิสต์ของดาวเตะวัย 23 ปีทั้งหมด นอกจากนั้นเกมรับก็ยังช่วยซ้อนปีกและคอยป้องกันจังหวะโต้กลับของ การท่าเรือ ได้อยู่หมัดดีเหลือเกิน
กองกลาง : ชัยวัฒน์ บุราณ (สิงห์เชียงรายฯ)
โดดเด่นต่อเนื่องอีกนัดในรอบสัปดาห์ ในการสลับขึ้นเกมรุกทางฝั่งซ้ายแถมยังมีจังหวะลงไปช่วยเกมรับสวยๆ หลายครั้ง ประตูแรกที่ "กว่างโซ้ง" ทำได้จุดเริ่มต้นก็มาจากการจ่ายบอลของ "เจ้าบอล" อีกทั้งเป็นคนเรียกใบแดงจาก เอเลียส ดอเลาะห์ กองหลัง "สิงห์เจ้าท่า" อีกด้วย
กองกลาง : พิชา อุทรา (พัทยา ยูไนเต็ด)
ฤดูกาลนี้ลงเล่นด้วยสภาพร่างกายที่ไม่เต็มร้อยมาตลอดซีซั่น แต่เกมนี้กลับมาคืนตำแหน่งตัวจริงอีกครั้ง แถมยังโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นสุดๆ ในการทะลวงแนวรับของ โปลิศ เทโร จนปั่นป่วนไปหมด และเป็นคนยิงประตูเบิกร่องให้ "โลมาสีน้ำเงิน" ออกนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว ทำให้หลังจากนั้นเกมในรังดอลฟิน สเตเดี้ยม เบาขึ้นอีกเป็นกอง
กองกลาง : ศุภชัย ใจเด็ด (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
แม้ไม่ได้ลงเล่นเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าเพราะมี ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต และ ออสวัลโด้ ฟิลโญ่ ขวางอยู่ แต่ "เจ้าอาร์ม" พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าเขามีสัญชาตญาณดาวยิงอยู่เต็มตัว ทั้งจังหวะทิ้งตัวพุ่งโหม่งให้ทีมแซงนำ สุโขทัย 2-1 และลูก 3-1 ที่ตัดบอลมาได้ก่อนล็อคหลบผู้เล่น สุโขทัย และซัดเต็มข้อจากนอกกรอบตุงตาข่ายอย่างงามหยดย้อย จน ดิโอโก้ ถึงกับต้องขอเช็ดสตั๊ดให้พร้อมกับจุมพิตอีก 1 ที
กองกลาง : ชนานันท์ ป้อมบุบผา (สุพรรณบุรี เอฟซี)
"เจ้าทู" ประสานงานคู่กับ เคลตัน ซิลวา ได้อย่างเข้าขาสุดๆ แม้สมัยอยู่โอสถสภาจังหวะการค้าแข้งจะคลาดกัน แต่ภายใต้การทำทีมของ "โค้ชเบ๊" ไพโรจน์ บวรวัฒน์ดิลก ก็ทำให้ทั้งสองจูนเข้ากันอย่างลงตัว เกมนี้สลับกันยิงและจ่าย โดยลูกแรกเป็นการกระชากบอลของ ชนานันท์ แล้วส่งให้ เคลตัน ปิด ก่อนที่ลูกที่สอง หัวหอกแซมบ้าจะหลอกกองหลังก่อนจ่ายให้ "เจ้าทู" ยิงบ้าง ฟอร์มโหดแบบนี้ต้องขอใส่ชื่อติดทีมแบบแพ็คคู่
กองหน้า : เคลตัน ซิลวา (สุพรรณบุรี เอฟซี)
หากฤดูกาลนี้ "ช้างศึกยุทธหัตถี" รอดพ้นการตกชั้นได้สำเร็จ ต้องยกเครดิตให้กับ เคลตัน ซิลวา ไปเต็มๆ เพราะในสถานการณ์ที่ต้องการประตู จะมีชื่อของดาวยิงแซมบ้าไปปรากฎบนสกอร์บอร์ดได้เสมอ นัดนี้เหมายิงคนเดียว 2 ประตูพาทีมบุกชนะ แอร์ฟอร์ซ ได้ถึงถิ่น 3-1
กองหน้า : แจ็คสัน โคเอลโญ่ (เอสซีจี เมืองทองฯ)
แทบจะหายไปทั้งเกมในช่วงครึ่งแรก จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงท้ายเกม "ชาช่า" ใช้โอกาสที่มีได้อย่างคุ้มค่าด้วยการเหมายิงคนเดียว 2 ประตูให้ทีม "กิเลนผยอง" พลิกสถานการณ์แซงกลับมาบุกชนะ "ราชันมังกร" ได้ถึงถิ่น
เฮดโค้ช : ราโดวาน ชูร์ชิช (เอสซีจี เมืองทองฯ)
แม้การตัดสินของกรรมการจะมีผลอย่างมากต่อผลการแข่งขันของคู่นี้ แต่ชัยชนะของ "กิเลนผยอง" ส่วนหนึ่งก็ต้องยกเครดิตให้การแก้เกมของกุนซือชาวเซิร์บด้วย โดยเฉพาะการเปลี่ยนตัวส่ง ปรเมศย์ อาจวิไล ลงมาในครึ่งหลังจนทำให้แดนกลางของ เมืองทอง ต่อบอลเก็บบอลได้เหนือกว่าทันที และเห็นได้ชัดว่าในสถานการณ์ที่ เฮแบร์ตี้ เล่นไม่ออก ก็ยังมีแผนสำรองที่ทำให้ผู้เล่นคนอื่นเฉิดฉายขึ้นมาได้ ก่อนพลิกกลับมาแซงชนะ และทำสถิติไม่แพ้ใครเป็นเกมที่ 5 ติดต่อกันโดยคว้าชัยได้ถึง 4 นัด